ประชุม “เจ้าสัวโลก” “ไทย” มีแต่ “ได้”+“ได้”

เมื่อวันอาทิตย์ที่ 25 มิถุนายนที่ผ่านมา ท่านที่ติดตามข่าวสารบ้านเมืองอยู่ในขณะนี้คงจะทราบแล้วว่าได้มีการ “ประชุม” ครั้งสำคัญที่มีความหมายอย่างยิ่งต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศไทยในอนาคตที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

ได้แก่การประชุมที่มีชื่อเป็นภาษาอังกฤษว่า “The 16th World Chinese Entrepreneurs Convention” แปลเป็นภาษาไทยอย่างตรงตัวว่า “การประชุมนักธุรกิจชาวจีนโลกครั้งที่ 16” โดยมีนักธุรกิจเชื้อสายจีนจากประเทศต่างๆ กว่า 50 ประเทศ รวมถึงประเทศไทยเราด้วย เข้าประชุมกว่า 4,000 คน

ผมดูข่าวช่วงพิธีเปิดงานก็เห็น พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ประธานองคมนตรี และ นายเกา หยุนหลง รองประธานที่ปรึกษาการเมืองแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ร่วมกันทำหน้าที่เป็นประธานในพิธีเปิด ด้วยบรรยากาศที่เป็นมิตรไมตรียิ้มแย้มแจ่มใสอย่างยิ่ง

โดยมีคนสำคัญๆ ทั้งของฝ่ายไทยและฝ่ายจีนมายืนร่วมเป็นสักขีพยานด้วยจำนวนมาก โดยเฉพาะทางฝั่งไทยเรามีทั้ง คุณจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ คุณณรงค์ศักดิ์ พุทธพรมงคล ประธานหอการค้าไทย-จีน คุณธนินท์ เจียรวนนท์ นายกสมาคมธุรกิจชาวจีนโพ้นทะเลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน และประธานกิตติมศักดิ์ถาวรหอการค้าไทยจีน ฯลฯ

สำหรับที่มาที่ไปของการประชุมนักธุรกิจจีนโลกนั้นเป็นที่ทราบแล้วว่าเกิดขึ้นโดยความดำริของ หอการค้าและอุตสาหกรรมจีนแห่งสิงคโปร์ เมื่อ ค.ศ.1991 (พ.ศ.2534) เพื่อสร้างสัมพันธ์และแลกเปลี่ยนเรียนรู้ตลอดจนประสานด้านธุรกิจและอุตสาหกรรมในระหว่างหอการค้าจีนที่มีอยู่ในทุกๆ ประเทศทั่วโลก โดยจะจัดขึ้นทุกๆ 2 ปี

ในแต่ละการประชุมก็จะมีการตั้งประเด็นหรือ “ธีม” หลักในการประชุม ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องทันสมัยหรือปัญหาใหม่ๆ ทิศทางใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นเพื่อให้มีการรับรู้ช่วยกันแก้ปัญหาและขณะเดียวกันก็หาทางประสานการลงทุนร่วมกันจับคู่บริษัทระหว่างกัน ฯลฯ

ครั้งล่าสุด ครั้งที่ 15 จัดขึ้นที่ กรุงลอนดอน เมื่อ ค.ศ.2019 แต่หลังจากนั้นเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ขึ้น ทำให้ต้องงดจัดการประชุมไปถึง 4 ปีเต็ม เพิ่งมาเริ่มจัดครั้งที่ 16 ขึ้นได้ในประเทศไทยเรานี่เอง

ผมไม่แน่ใจว่าผู้ใหญ่ท่านใดของบ้านเราไปเสนอตัวขอเป็นเจ้าภาพ แต่ไม่ว่าจะเป็นใครขอขอบคุณอย่างสูงไว้ ณ ที่นี้

เพราะขึ้นชื่อว่าการประชุมใหญ่ที่เรียกว่า “คอนเวนชัน” แบบนี้ประเทศไหนเป็นเจ้าภาพจัดก็มีแต่ “ได้” และ “ได้” เท่านั้น

เนื่องจากจะมีผู้เข้าร่วมประชุมนับเป็นพันๆ คน รวมทั้งผู้ติดตามด้วย อาจจะถึง 4 พัน 5 พันคน เงินสะพัดแน่นอน ทั้งธุรกิจโรงแรม ธุรกิจร้านอาหาร ตลอดจนธุรกิจที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวต่างๆ

ที่สำคัญหากจัดวาระการประชุมให้ดีๆ ด้วยการนำเสนอโครงการดีๆ ของประเทศไทย นำเสนอโอกาสความเหมาะสมหรือความสามารถในการแข่งขันของประเทศให้ผู้เข้าประชุมรับรู้รับทราบ

ก็อาจจะโน้มน้าวให้เจ้าสัวหรือนักธุรกิจจีนที่มาประชุมจำนวนมากตัดสินใจที่จะมาลงทุนในบ้านเราในอนาคต

เท่าที่ผมติดตามจากข่าวสารต่างๆ ก็พบว่าการจัดประชุม “นักธุรกิจจีนโลก” ครั้งนี้เป็นไปตามแนวทางที่ว่านี้ทุกประการ

มีการโชว์ศักยภาพของประเทศไทยทั้งประเทศว่าเหมาะสมกับการลงทุนใหม่ๆอะไรบ้าง รวมไปถึงการโชว์ศักยภาพของ EEC หรือ โครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก ซึ่งยังมีช่องทางและโอกาสที่นักลงทุนต่างชาติจะมาร่วมลงทุนได้อีกมากมายหลายโครงการ

ผมเองยอมรับว่าช่วงนี้กินไม่ได้ นอนไม่ค่อยหลับกับสถานการณ์การเมืองของบ้านเรา ซึ่งมองไปข้างหน้าแล้ว น่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง

แต่พอมาอ่านข่าวการประชุมที่ว่านี้ก็รู้สึกใจชื้นขึ้นเพราะพอมองเห็นความหวังที่ดีงามของประเทศชาติในอนาคตรออยู่

สุดท้ายนี้ผมขออวยพรให้เจ้าสัวทุกท่านจงเดินทางกลับบ้านด้วยความสุขและความปลอดภัยพร้อมทั้งหวังด้วยว่า จะมีหลายๆ  “เจ้าสัว” ติดอกติดใจประเทศไทย หวนกลับมาลงทุนต่างๆ เป็นมูลค่าทางเศรษฐกิจนับแสนล้านดังที่ท่านประธานกรรมการจัดงานครั้งนี้ คุณณรงค์ศักดิ์ พุทธพรมงคล ท่านให้สัมภาษณ์ไว้

ก็คงต้องฝากนักการเมืองเอาไว้ละครับ ประเทศไทยจะได้ “แสนล้าน” หรือ “ศูนย์ล้าน” ขึ้นอยู่กับว่าพวกคุณทั้งหลายจะทะเลาะกันมากน้อยแค่ไหน ตอนจัดตั้งรัฐบาล นั่นแล!

“ซูม”

ประชุม “เจ้าสัวโลก” “ไทย” มีแต่ “ได้”+“ได้”, เศรษฐกิจ, การเมือง, การลงทุน, นักธุรกิจจีนโลก, การประชุมนักธุรกิจชาวจีนโลกครั้งที่ 16, ซูมซอกแซก