เปิดตัว iPhone11 Pro กับ Pro Max มาพร้อมกับกล้องหลัง 3 ตัว เพิ่มความเร็ว ประหยัดพลังงาน

เมื่อ 10 ก.ย. 2562 (ตามเวลาท้องถิ่น) บริษัท แอปเปิล อิงค์ จัดงานเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ “สตีฟ จ๊อป เธียเตอร์” ในเมืองคูเปอร์ติโน รัฐแคลิฟอร์เนีย เปิดตัว iPhone 11 Pro และ iPhone 11 Pro Max ที่มาพร้อมกับความเร็วในการทำงาน แต่ประหยัดพลังงาน และกล้องหลังอีก 3 ตัว

ตัวเครื่องของทั้ง 2 รุ่นนั้นผลิตจากสแตนเลสสตีล เกรดเดียวกับเครื่องมือแพทย์ ปูด้วยกระจกที่แอปเปิลอ้างว่าแข็งแกร่งที่สุดในบรรดาสมาร์ทโฟน ส่วนหน้าจอแสดงผลใช้จอ OLED รุ่นใหม่ที่แอปเปิลเรียกว่า Super Retina XDR โดยรุ่น Pro จอกว้าง 5.8 นิ้ว ความละเอียด 2436×1125 พิกเซล, 458 ppi ส่วนรุ่น Pro Max จอกว้าง 6.5 นิ้ว ความละเอียด 2688×1242 พิกเซล, 458 ppi ใช้ระบบสัมผัสแบบ haptic touch

ระบบเสียงของสมาร์ทโฟนทั้ง 2 รุ่น รองรับ HDR 10, Dolby Vision และ Dolby Atmos ใช้ชิป A13 Bionic และ Neural Engine รุ่นที่ 3 โดยเพิ่มตัวเร่ง Machine Learning หรือชิปประมวลผลขนาดเล็กเข้าไปในซีพียู และแยกส่วนกันทำงาน ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพแต่ประหยัดพลังงานมากขึ้น ทำให้แบตเตอรี่ของรุ่น iPhone 11 Pro อยู่ได้นานกว่า iPhone XS 4 ชั่วโมง ขณะที่แบตฯ ของ iPhone 11 Pro Max อยู่ได้นานกว่า iPhone XS Max 5 ชั่วโมง

ในส่วนของกล้องของ iPhone 11 ทั้ง 2 รุ่นมีกล้องหลังทั้งหมด 3 ตัว ได้แก่ เลนส์ปกติ (Wide), เลนส์กว้างพิเศษ (Ultra-Wide) และเลนส์มุมแคบ (TelePhoto) ทั้งหมดมีความละเอียดที่ 12 ล้านพิกเซล สามารถซูมเข้าออกได้ 2 เท่า มาพร้อมกับ Night Mode ที่จะช่วยปรับแสงอัตโนมัติให้ภาพคมชัดมากขึ้นกว่ารุ่นก่อนๆ

ทั้งนี้ iPhone 11 Pro กับ iPhone 11 Pro Max มี 4 สีให้เลือกซื้อ ได้แก่ เทาสเปซเกรย์, เงิน, ทอง และสีใหม่คือ เขียวมิดไนท์กรีน กับความจุอีก 3 ขนาดคือ 64GB, 256GB และ 512GB ราคาเริ่มต้นสำหรับ iPhone 11 Pro คือ 999 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 30,580 บาท) ส่วน iPhone 11 Pro Max เริ่มที่ 1,099 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 33,640 บาท) ในสหรัฐฯ เริ่มจองได้ตั้งแต่วันศุกร์ที่ 13 ก.ย.นี้ และเริ่มส่งมอบ 20 ก.ย.

ซึ่งราคาในประเทศไทยยังไม่ประกาศอย่างเป็นทางการ แต่ก็คาดว่าน่าจะเพิ่มขึ้นประมาณ 3-5 พันบาท

แอปเปิลยังประกาศลดราคา iPhone XR ลงเหลือ 599 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 18,335 บาท) และลดราคา iPhone 8 เหลือ 449 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 13,745 บาท)

นอกจากจะประกาศเปิดตัว iPhone 11 Pro กับ iPhone 11 Pro Max แล้ว แอปเปิลยังได้เปิดตัว

iPad รุ่น 7 จอกว้าง 10.2 นิ้ว ทำจากอะลูมิเนียมรีไซเคิล

iPad รุ่นใหม่มาพร้อมกับหน้าจอเรตินากว้าง 10.2 นิ้ว มากกว่ารุ่นก่อนๆ ที่กว้าง 9.7 นิ้ว ใช้ชิปปฏิบัติการ A10 Fusion, กล้องความละเอียด 8 ล้านพิกเซล รองรับการเชื่อมต่อกับสมาร์ทคีย์บอร์ด สามารถใช้กับ แอปเปิล เพนซิล ทั้งรุ่นใหม่และเก่า มีฟีเจอร์ Touch ID รองรับการเชื่อมต่อกับแผ่น SD card กับ thumb drive แบตเตอรี่ใช้ได้นาน 10 ชั่วโมง ขณะที่กรอบทำจากอะลูมิเนียมรีไซเคิล 100%

ราคาของ iPad รุ่นที่ 7 นี้อยู่ที่ 329 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 10,076 บาท) สามารถสั่งจองได้ตั้งแต่วันนี้ (ในสหรัฐฯ) และจะเริ่มส่งมอบสินค้าตั้งแต่สิ้นเดือนกันยายนเป็นต้นไป

Apple Watch Series 5 จอแสดงผลตลอดเวลา-โทรฉุกเฉินได้

Apple Watch Series 5 รูปลักษณ์ทั่วไปคล้ายกับ Series 4 แต่มีฟีเจอร์ใหม่คือ หน้าจอจะแสดงผลตลอดเวลา จะไม่ดับมืดจนกว่าผู้ใช้จะพลิกมือขึ้นมาดูหน้าจอเหมือนรุ่นก่อนๆ โดยใช้เทคโนโลยีที่เรียกว่า LTPO ซึ่งจะทำให้ประหยัดพลังงานกว่ารูปแบบเดิม ทำให้สามารถใช้งานได้นาน 18 ชั่วโมงเหมือนรุ่นก่อน แต่เพิ่มฟีเจอร์เข็มทิศในตัว ใช้งานร่วมกับแอปฯ แผนที่ สามารถบอกตำแหน่งของผู้ใช้และทิศทางที่หันไปได้

ขณะที่กรอบนาฬิกาทำมาจากอะลูมิเนียมรีไซเคิล 100% และมีแบบกรอบไทนาเนียมให้เลือกซื้อด้วย

นอกจากนี้ยังเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัย โดย Apple Watch Series 5 รุ่น cellular จะสามารถโทรศัพท์ฉุกเฉินระหว่างประเทศได้ แม้ว่าจะไม่มีไอโฟนก็ตาม

Apple Watch Series 5 ราคาเริ่มต้นที่ 399 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 12,219 บาท) สำหรับรุ่น GPS ส่วนรุ่น cellular จะเริ่มที่ 499 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 15,280 บาท) เริ่มวางจำหน่ายในสโตร์ตั้งแต่ 20 ก.ย. แอปเปิลยังลดราคา Apple Watch Series 3 เหลือเพียง 199 ดอลลาร์สหรัฐฯ ด้วย (ราว 6,093 บาท)

แอปเปิลเปิดตัว บริการวิดีโอสตรีมมิ่ง Apple TV+ รายเดือน 4.99 ดอลลาร์

โดยเปิดตัวบริการวิดีโอสตรีมมิ่งของตัวเองคือ “Apple TV+” (แอปเปิล ทีวี พลัส) สนนราคาที่ 4.99 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อเดือน (ราว 152 บาท) ใช้งานได้ทั้งครอบครัว

นอกจากนี้ แอปเปิลยังเปิดตัวบริการแพลตฟอร์มเล่นเกมแบบเหมาจ่าย เรียกว่า “Apple Arcade” (แอปเปิล อาร์เคด) ซึ่งจะเริ่มเปิดบริการในวันที่ 19 ก.ย.นี้ ราคาเดือนละ 4.99 ดอลลาร์สหรัฐฯ ใช้งานได้ทั้งครอบครัวเช่นกัน สามารถทดลองใช้ได้นาน 1 เดือน

โดยผู้สมัครจะสามารถดาวน์โหลดและเล่นเกมผ่าน อาร์เคด สโตร์ ได้โดยตรง และจะมีเกมใหม่ๆ เพิ่มเข้ามาทุกเดือน