รถเมล์ขึ้นราคา มาผิดเวลาหรือเปล่า?

รถเมล์ของ ขสมก. และบรรดารถร่วมทั้งหลายในกรุงเทพมหานคร ปรับขึ้นราคาใหม่ไปเรียบร้อยแล้ว ตั้งแต่วันจันทร์ที่ผ่านมา

โดยรถร้อนหรือรถเมล์สีแดงปรับขึ้นราคาจาก 6.50 บาท เป็น 8 บาท เป็นเวลา 1 ปีเต็มๆ จากนั้นวันที่ 22 เมษายน ปี 2563 หรือปีหน้าจะปรับเป็น 10 บาท

ส่วนรถเมล์แอร์สีครีมน้ำเงินนั้น จะปรับจาก 10-18 บาท เป็น 12-20 บาท ในช่วงแรกแล้วปรับเป็น 13-21 บาทในปีหน้า

ในขณะที่รถแอร์ยูโรสีส้ม ก็จะปรับจาก 11-23 บาท เป็น 13-25 บาท ในช่วงแรก และเป็น 14-26 บาท ในวันที่ 22 เมษายนปีหน้าเช่นกัน

สำหรับรถเมล์ร่วมภาคเอกชนนั้น จะปรับขึ้นครั้งเดียว คือจาก 9 บาท เป็น 10 บาทไปตลอด โดยไม่แบ่งเป็น 2 ขยักเหมือน ขสมก. และรถแอร์ร่วมจาก 13-25 บาท ก็ให้เป็น 14-26 บาท ขยักเดียวเช่นกัน

ราคาที่ผมจดมานี้อาจจะไม่ครบ แต่สำหรับสายหลักๆ ที่ประชาชนชาว กทม.ใช้กันอย่างคุ้นเคยน่าจะเป็นไปตามที่จดมานี้

เนื่องจากผมเขียนล่วงหน้าตั้งแต่วันแรกที่มีการปรับราคา หนังสือพิมพ์หรือโทรทัศน์ยังไม่ได้รายงานผลการสัมภาษณ์ผู้โดยสารว่ามีความรู้สึกอย่างไรบ้าง? จึงยังไม่ทราบปฏิกิริยาของผู้โดยสารส่วนใหญ่

มีแค่เพียงข่าวว่าสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทยได้ยื่นฟ้องคณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกต่อศาลปกครอง เมื่อวันที่ 19 เมษายนไปแล้ว และทางศาลปกครองได้รับคำฟ้องดังกล่าวไว้ไต่สวนแล้ว

ในขณะที่ทาง ขสมก. โดยรักษาการผู้อำนวยการเห็นว่าแม้จะมีการฟ้องร้องต่อศาลปกครองขอให้ระงับการขึ้นค่าโดยสาร แต่เนื่องจากยังไม่มีคำสั่งใดๆ มาจากศาล ทาง ขสมก.จึงจะเดินหน้าตามมติของคณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกกลางคือขึ้นค่าโดยสารไปก่อน

สำหรับผมเองในฐานะผู้ใช้รถเมล์พอสมควร คือไม่ถึงขนาดจะใช้เป็นประจำทุกวัน แต่ก็ใช้คือขึ้นมาแล้ว ครบถ้วนทั้งรถร้อนสีแดง รถร่วมสีขาว รถแอร์สีเทา และรถแอร์ยูโรสีแสด

ขอเรียนว่าโดยข้อเท็จจริงที่ ขสมก.ประสบภาระขาดทุนมาตลอด การขึ้นราคาค่าโดยสารจึงเป็นทางออกทางหนึ่ง

ผมมองว่ารัฐต้องรับภาระการขาดทุนมานานแล้ว การขึ้นราคาหรือ ปรับราคาบ้างในหลายๆ ประเทศเขาก็ทำกัน

แต่ที่น่าเป็นห่วงก็คือ การขึ้นของเราคราวนี้เป็นการขึ้นแบบก้าวกระโดด อย่างเช่น 6 บาท 50 ของรถเมล์ร้อนธรรมดากลายเป็น 8 บาท หรือเที่ยวละ 1 บาท 50 สตางค์ ก็ถือว่าค่อนข้างสูง สำหรับมนุษย์เงินเดือนในระดับล่างที่ไม่ได้มีบัตรสวัสดิการของรัฐและไม่ได้ขึ้นฟรี

ยิ่งหากจำเป็นต้องขึ้นรถ 2 ต่อ หรือ 3 ต่อด้วยก็จะกลายเป็นต้องจ่ายเพิ่มเป็นวันละ 3 บาท หรือ 4 บาท 50 ทันที และหากคิดไปกลับด้วยก็จะกลายเป็นวันละ 6 บาท หรือ 9 บาท น่าจะมีผลกระทบไม่น้อยกับมนุษย์เงินเดือนที่มีเงินเดือนน้อยเหล่านั้น

หรือในกรณีรถปรับอากาศจะชัดเจนมากในแต่ละเที่ยวอาจจะเพิ่มถึง 5 บาทหรือกว่านั้นใครขึ้นรถแอร์ 2 ต่อก็เป็น 10 บาทและไปกลับอาจจะกลายเป็น 20 บาทต่อวัน

ผมว่าเยอะเหมือนกันนะสำหรับมนุษย์เงินเดือนที่จะเจอกับภาระใหม่ที่ไม่คาดคิดมาก่อนแบบนี้

นี่ผมเขียนล่วงหน้าก็อดคิดแทนประชาชนไม่ได้ โดยเฉพาะคนรายได้ปานกลางนี่แหละครับที่พึ่งพารถแอร์จะได้รับผลกระทบสูงสุดและถ้าหากจะมีเสียงบ่นกระหึ่มขึ้นมาก็จะมาจากกลุ่มนี้มากกว่ากลุ่มใดทั้งหมด

ซึ่งก็น่าจะเป็นการบ่นที่สมเหตุสมผลเพราะมีผลกระทบต่อรายได้ของเขาจริงๆ และมาอย่างช็อกจริงๆ

มีทางไหมครับที่จะทยอยขึ้นให้มีผลกระทบน้อยกว่านี้ ถ้ามีผมก็อยากฝากไว้เป็นข้อคิดให้ทางคณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกกลางไปหาวิธีการผ่อนหนักเป็นเบาลงบ้าง

ในฐานะคนที่ยืนอยู่ตรงกลางมองเห็นความจำเป็นของทั้ง 2 ฝ่ายก็ขอเสนอความคิดเห็นอย่างกลางๆอย่างนี้แหละครับ

ที่สำคัญมาเร็วไปหรือเปล่าเนี่ยการขึ้นราคารถเมล์งวดนี้ ยังไม่ทันจัดตั้งรัฐบาลได้ลงตัวเลย มาทำให้รัฐบาลปัจจุบันเสียคะแนนซะแล้ว แบบนี้เดี๋ยวจะไม่มีโอกาสกลับมาเป็นรัฐบาลอีกหนเอาน่ะนา.

“ซูม”