ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช เขียนนวนิยายเรื่อง “ไผ่แดง” เมื่อ พ.ศ.2497 หรือ 65 ปีที่แล้ว โดยเขียนส่งไปลงเป็นตอนๆ ในหนังสือพิมพ์สยามรัฐสัปดาห์วิจารณ์รวมทั้งสิ้น 21 ตอน
ระหว่างนำลงเป็นรายสัปดาห์นั้นแฟนๆ อ่านแล้วชื่นชมกันมาก จึงนำมารวมพิมพ์เป็นเล่ม ปรากฏว่าขายดิบขายดีเช่นกัน ต้องพิมพ์หลายครั้งอย่างในเล่มที่ผมซื้อมาล่าสุด ซึ่งพิมพ์เมื่อ พ.ศ.2552 ก็ได้ ระบุเอาไว้ว่าเป็นการพิมพ์ครั้งที่ 21 เข้าไปแล้ว
นอกจากนี้ก็ยังมีรายงานด้วยว่า มีการนำ “ไผ่แดง” ไปแปลเป็นภาษาต่างๆ ถึง 9 ภาษา เช่น อังกฤษ ฝรั่งเศส ญี่ปุ่น เวียดนาม และพม่า ฯลฯ
กล่าวกันว่า ไผ่แดง เป็นนวนิยายในแนวเสียดสีสังคมและการเมืองในยุคที่มีการแพร่ขยายของลัทธิคอมมิวนิสต์ และประเทศไทยของเรา ซึ่งยืนอยู่ข้างโลกเสรีที่มีสหรัฐอเมริกาเป็นพี่เอื้อยได้ออกมาประกาศนโยบายต่อต้านคอมมิวนิสต์อย่างเอาเป็นเอาตาย
พ.ศ.2497 ที่ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช เขียนเรื่องนี้ ผมเพิ่งมีอายุ 13 ปี มาเรียนชั้นมัธยมต้นที่ปากน้ำโพแล้ว ยังจำได้ถึงแผ่นป้ายโฆษณาต่างๆ ที่ระบุว่าคอมมิวนิสต์เปรียบเสมือนยักษ์มาร มาถึงเมืองไทยเมื่อไรจะจับคนไทยกินเรียบเมื่อนั้น
จะทำลายวัดวาอารามและศาสนาทุกศาสนาทั้งหมด…ขอให้คนไทยเราช่วยกันต่อสู้อย่าให้ยักษ์ร้ายตนนี้เข้ามาสู่ประเทศไทยเราได้
ขณะเดียวกันก็มีการจับกุมบุคคลที่รัฐสงสัยว่าจะเอนเอียงไปในทางคอมมิวนิสต์แบบจับผิดจับถูกเข้าคุกไปก็หลายราย
ท่านอาจารย์คึกฤทธิ์จึงได้สมมติให้มีหมู่บ้านไผ่แดง ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ เท่าไรนัก ให้เป็นเสมือนประเทศไทยขนาดเล็กๆ สะท้อนความคิดของฝ่ายซ้าย หรือผู้ที่อยากเปลี่ยนแปลงประเทศไทย โดยมีนาย แกว่น แก่นกำจร เป็นตัวแทน
ขณะเดียวกันก็สะท้อนแนวคิดของตัวท่านอาจารย์คึกฤทธิ์เองนั่นแหละ ในฐานะที่ท่านเป็นฝ่ายขวาและเชื่อมั่นว่าประเทศไทยควรจะอยู่ของเราอย่างนี้ ไม่ควรใช้ลัทธิอื่นใดมาปกครองประเทศทั้งสิ้น
เสนอแนวทางสู้กับคอมมิวนิสต์ผ่านหลักธรรมะ ผ่านข้อเท็จจริงของความเป็นไทยที่ไม่เหมาะกับระบบนี้
โดยใช้สมภารกร่างและพระพุทธรูป “พูดได้” หรือหลวงพ่อพระประธานในพระอุโบสถ ตลอดจนศิลปวัฒนธรรมประเพณีและชีวิตความเป็นอยู่ของคนไทยผ่านเรื่องราวและตัวละครต่างๆ ในหมู่บ้านไผ่แดงเป็นกลยุทธ์ในการต่อสู้คอมมิวนิสต์แบบไทยๆ
เมื่อกาลเวลาผ่านไปและเมื่อเรารอดพ้นจากการตกเป็นประเทศสังคมนิยมหลังจากที่เวียดนามแตก เขมรแตก ลาวแตก แต่เราไม่แตก สามารถยืนหยัดอยู่ได้โดยไม่ล้มเป็นตัว “โดมิโน” อย่างที่หลายๆ คนประมาทไว้
จะเห็นว่าส่วนหนึ่งก็เพราะเรายึดมั่นในปรัชญาการดำเนินชีวิตแบบไทยๆ คือ อยู่กันด้วยความรักความเมตตาคล้ายๆ แนวทางของสมภารกร่างนั่นเอง จนประเทศคอมมิวนิสต์ใหญ่ๆ ใจอ่อนหันมาญาติดีกับเราทั้งหมด
ที่สำคัญท่านผู้ประพันธ์เรื่อง “ไผ่แดง” นี่แหละที่เป็นผู้เดินทางไปจับมือกับหัวหน้าคอมมิวนิสต์ใหญ่ฝ่ายจีนคือ ท่านประธาน เหมา เจ๋อตง ที่ในหนังสือ “ไผ่แดง” ของท่านยังเรียกว่า “เมาเซตุง” ตามคำเรียกของคนไทยใน พ.ศ.นั้น
ที่สำคัญไปกว่านั้นอีกก็คือ ทุกวันนี้ทั้งรัสเซียและจีนต่างก็กลับมาใช้ระบบเสรีนิยมกันทั้งคู่…ทิ้งร่องรอยของความเป็นคอมมิวนิสต์ไว้ก็แค่ในตัวอักษรของประวัติศาสตร์เท่านั้นเอง
สรุปว่าผมเตรียมตัว เตรียมใจ และรอลุ้นที่จะดูละครทีวีชุด “ไผ่แดง” ของไทยรัฐทีวีที่จะออกอากาศตอนแรกในวันจันทร์ที่ 4 มีนาคม เวลา 22.30-23.30 น. อย่างเต็มที่เลยครับ
จากฝีมือเขียนบทและกำกับของ ณรงค์ ศิริสารสุนทร หรือ “รงค์ หินเหล็กไฟ” และนำแสดงโดย เกียรติพันธุ์ ฉิมโฉม (สมภารกร่าง) ปพนธ์วรรธณ์ เสาว์ทองหยุ่น (แกว่น แก่นกำจร) ฯลฯ
แม้ผมจะไม่คุ้นกับชื่อผู้กำกับและดาราแสดงนำเท่าไรนัก ด้วยว่าผมเองก็ห่างจากวงการบันเทิงไปนาน จนไม่ค่อยจะรู้จักผู้กำกับ หรือดารารุ่นใหม่เอาเสียเลย แต่ผมก็คิดและเชื่อว่า เมื่อตามดูแล้วชื่นชอบแล้ว อีกหน่อยก็คงจะรู้จักและคุ้นเคยกันไปเองแหละ
อย่าลืมติดตามดูเป็นเพื่อนผมด้วยนะครับ.
“ซูม”