รายงานข่าวจาก บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. แจ้งว่า ตรุษจีนปีนี้นักท่องเที่ยวจีนจะกลับมาเที่ยวเมืองไทยของเราอย่างล้นทะลัก มากกว่าปีที่แล้วเสียอีก
เพราะจากสนามบินทั่วประเทศทั้ง 6 แห่งที่ ทอท.ดูแลอยู่นั้นมีสายการบินแจ้งขอทำการบินเข้ามาในบ้านเราถึง 35,000 เที่ยวบิน เพิ่มจากช่วงตรุษจีนปีกลายถึงร้อยละ 7.2 เลยทีเดียว
ทั้งนี้ จะขนผู้โดยสาร ซึ่งส่วนใหญ่ก็คือชาวจีนเข้ามาบ้านเรากว่า 5.93 ล้านคน หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.6 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว
มากที่สุดได้แก่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ นี่แหละครับจะมีเที่ยวบินถึง 14,800 เที่ยวบิน หรือเพิ่มขึ้น 9 เปอร์เซ็นต์ และจะมีผู้โดยสารประมาณ 2.63 ล้าน เพิ่มขึ้น 3.6 เปอร์เซ็นต์
รองลงมาก็คือ ดอนเมือง ซึ่งจะมี 10,300 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 6.6 เปอร์เซ็นต์ และมีผู้โดยสาร 1.61 ล้านคน เพิ่มขึ้น 4.3 เปอร์เซ็นต์
รวมความแล้วเฉพาะ กทม.ของเราจะมีนักท่องเที่ยวทะลักเข้ามาผ่าน 2 สนามบินหลักถึง 4.24 ล้านคน คงจะยั้วเยี้ยกันไป ทั่วกรุงเทพมหานครละครับ ช่วงตรุษจีนปีนี้
พวกเราชาว กทม. ทั้งหลายก็คงจะต้องบำเพ็ญตนเป็น “เจ้าบ้าน” ที่ดี ต้อนรับแขกบ้านแขกเมืองที่จะนำเงินมาเที่ยวมาใช้จ่าย กว่า 4 ล้านคนในช่วงเวลา 11 วันข้างหน้าด้วยอัธยาศัยไมตรีกันไปพลางๆ
เหตุที่นักท่องเที่ยวจีนกลับมาเที่ยวบ้านเราอย่างคึกคักอีกครั้งหนึ่งนั้น ก็น่าจะมาจากการใช้ “ยาแรง” คือ การงดเก็บค่าวีซ่า ณ ช่องทางอนุญาตของด่านตรวจคนเข้าเมืองที่เรียกกันว่า Visa On Arrival ต่อไปอีก จนถึงวันที่ 30 เมษายนปีนี้
หลังจากที่ออกมาช่วงแรกได้ผลมากทั้งก่อนปีใหม่และหลังปีใหม่ ดังนั้น ครม.จึงมีมติต่อออกไปอีกจนทะลุตรุษจีนไปจนถึงสงกรานต์โน่นเลย
แสดงว่ามาตรการนี้ได้ผลจริงๆ สามารถเรียกนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะจีนได้ชะงัดพอๆ กับมนตร์ “เรียกเนื้อเรียกปลา” ของ “เจ้าเงาะ” หรือ “พระสังข์ทอง” ที่เราเคยเรียนในวรรณคดีสมัยเด็กๆ อย่างไรอย่างนั้น
แต่ก็อย่าใช้อย่างพร่ำเพรื่อ หรือใช้ไปตลอดกาล โดยไม่มีที่สิ้นสุดนะครับ เมื่อทุกอย่างเข้าที่เข้าทางแล้ว ได้นักท่องเที่ยวกลับคืนมาดังเดิมแล้ว ก็ควรจะยกเลิกมาตรการนี้ โดยหันมาเก็บค่าธรรมเนียมตามเดิม
เพื่อให้มีรายได้เข้ารัฐบ้าง และเพื่อให้สอดคล้องกับทุกประเทศทั่วโลกที่จะต้องมีการเก็บค่าเข้าประเทศ หรือค่าเข้าไปเหยียบแผ่นดินของเขาทั้งสิ้น
นอกจากจะฝากข้อคิดเรื่องงดเก็บค่าวีซ่าที่ว่านี้แล้วผมคงต้องขออนุญาตฝากข้อคิดในการค้าขายกับประเทศจีนที่หลายๆ ชาติเขามักจะตั้งเป็นข้อสังเกตเอาไว้ด้วยเช่นกัน
ต้องยอมรับว่าคนจีนเขาค้าขายเก่ง และมักจะมีวิธีการอะไรก็ไม่รู้ ที่จะขอเอี่ยวหรือดึงรายได้จากการค้าขายของเขากลับไปเข้าประเทศได้อย่างแยบยลเสมอ ชาติต่างๆ เขาจึงระมัดระวังอย่างมากที่จะไม่ให้เสียเปรียบจีน
ผมก็ได้แต่หวังว่าในเรื่องธุรกิจท่องเที่ยว ซึ่งเราได้ทำมาค้าขายกับเขามานานแล้วโดนเขาเล่นงานมาก็มาก และเราเองก็แก้ลำเอาคืนมาได้มากเช่นกัน คงจะรู้เหลี่ยมรู้คูกันมากขึ้น ความเสียเปรียบต่างๆ น่าจะลดลงไป
จริงๆ แล้วมาคิดดูอีกทีการท่องเที่ยวของบ้านเราขณะนี้ก็ดูจะเหมาะกับทัวร์จีนมากที่สุด เพราะเรากำลังมีปัญหาใหญ่ปัญหาหนึ่งที่เข้าใจว่าทัวร์ฝรั่งมังค่าทั้งหลายคงจะหวาดกลัวกันมาก นั่นก็คือฝุ่น PM 2.5 ที่กำลังอาละวาด สีส้ม สีแดง ไปทั่ว กทม. และปริมณฑลในขณะนี้
ในขณะที่ฝรั่งกลัว ทัวร์จีนคงไม่กลัวเท่าไรนัก เพราะบ้านเขาบางเมืองสาหัสสากรรจ์กว่าเราเยอะ ปักกิ่งที่ว่าดีขึ้นมากนั้น เขาว่าบางช่วงก็ยังน่ากลัวอยู่นั่นเอง
ตราบใดที่เรายังแก้ปัญหาฝุ่นพิษไม่หาย ทัวร์ชาติอื่นๆ คงจะลดลง ซึ่งก็ไม่น่าตกใจเพราะเรายังได้ทัวร์จีนมาชดเชย
กล่าวอย่างนี้ไม่ได้แปลว่าเราจะไม่แก้ปัญหาซะเลยนะครับ ยังไงๆ ก็ต้องแก้ให้ดีที่สุด…ผมเพียงแต่จะเขียนปลอบใจเท่านั้นแหละว่าในระหว่างที่ยังแก้ไม่หายก็ถือว่าเป็นโชคดีของเราที่ยังมีทัวร์จีนมาเป็นลูกค้าด้านท่องเที่ยว
โชคดีเพราะเขาดมฝุ่นระดับ “สีแดง” มาจนชินแล้วมาเจอแค่ “สีส้ม” ซะส่วนใหญ่มี “สีแดง” อยู่บ้าง 2–3 แห่ง อย่างบ้านเรา ทัวร์จีนเขาเลยไม่กลัวไงล่ะ.
“ซูม”