ผมเขียนต้นฉบับวันนี้ในช่วงบ่ายๆ ของวันจันทร์ที่ 4 กุมภาพันธ์ ครับ ซึ่งเป็นวันที่มีเรื่องราวสำคัญๆ เกิดขึ้นหลายๆ เรื่องพร้อมกัน
เรื่องแรกสำคัญมาก เพราะจะเป็นวันเริ่มต้นของกระบวนการประชาธิปไตยที่คนไทยรอคอย…นั่นก็คือ เป็นวันแรกของการรับสมัครผู้แทนราษฎรทั่วประเทศ
มีรายงานว่า บรรยากาศคึกคักมากทั่วประเทศไทย รวมทั้งใน กทม. ของเราที่ใช้ศูนย์เยาวชนไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง เป็นสถานที่รับสมัคร
เรื่องที่สองสำหรับท่านผู้อ่านโดยทั่วไปคงไม่สำคัญนัก เพราะไม่ค่อยดูกันอยู่แล้ว สำหรับการแข่งขันกีฬาที่เรียกกันว่า “อเมริกันฟุตบอล” หรือ “คนชนคน” นัดชิงแชมป์ “ซุปเปอร์โบว์ล”
แต่สำหรับผมชอบดูกีฬาประเภทนี้เป็นชีวิตจิตใจ ก็เลยต้องตื่นมาดูการถ่ายทอดสดของทรูวิชั่นส์ตั้งแต่เช้า และขอบันทึกไว้หน่อยว่า ทีมนักรบกู้ชาติ นิวอิงแลนด์ แพทริออตส์ เป็นฝ่ายเอาชนะทีมแกะเขาเหล็ก แอลเอ แรมส์ ไปได้ 13-3
ก็มาถึงเรื่องที่ 3 ที่เป็นเรื่องที่ผมเห็นว่าสำคัญที่สุดในช่วงเวลานี้
คงจะจำกันได้นะครับว่า ในช่วงกว่าสิบวันมาแล้ว คนไทยเราโดยเฉพาะคนใน กทม. ต่างต้องเผชิญกับมหันตภัย “ฝุ่นจิ๋ว” หรือ PM 2.5 กันอย่างแสนสาหัส
เพราะมีข่าวว่า ปริมาณค่าฝุ่นสูงเข้าขั้นอันตรายถึงระดับ “สีส้ม” ไปจนถึง “สีแดง” เต็มพรืดไปหมด
เป็นเหตุให้คน กทม.ต้องหันมาสวมหน้ากากอนามัย N95 กันเป็นแถวๆ เพราะหน้ากากอนามัยธรรมดาไม่สามารถจะป้องกันได้
ร้อนถึง “บิ๊กตู่” ต้องออกมาให้สัมภาษณ์ว่าจะต้องทำโน่นทำนี่หลายอย่าง รวมทั้งมาตรการจะบังคับรถวิ่งวันคู่วันคี่ตามป้ายทะเบียน หากมีความจำเป็นเพื่อแก้ปัญหาเจ้าฝุ่นจิ๋วที่ว่านี้
แต่แล้วจู่ๆ เมื่อบ่ายๆ วันเสาร์ที่ผ่านมานี้เอง ปริมาณค่าเฉลี่ยของเจ้าฝุ่นจิ๋ว PM 2.5 ก็ค่อยๆ ลด จนกระทั่ง “สีส้ม” และ “สีแดง” ซึ่งเป็นสัญลักษณ์เข้าขั้นอันตรายค่อยๆ หายไปจากเครื่องวัดตามจุดต่างๆ
กลายเป็นสีเหลือง ซึ่งแปลว่าอยู่ในสภาพปานกลาง เพราะต่ำกว่าจุดอันตรายที่ต่ำกว่า 50 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตรเป็นส่วนใหญ่ และมีอยู่จุด 2 จุด ที่เป็นสีเขียว แปลว่าอยู่ในสภาพดีแล้ว
แถวๆ แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ บ้านผมขึ้นสีเหลืองตั้งแต่ดึกแล้วมาเขียวในตอนเช้าวันอาทิตย์
ปรากฏว่าตลอดทั้งวันอาทิตย์มีแต่สีเขียวเป็นพรืด แม้แต่จุดหนักๆ อย่าง ริมถนนคู่ขนาน พระราม 2 อ.เมืองสมุทรสาคร ที่แดงเถือกมาหลายวันยังเขียวชอุ่มขึ้นอย่างเหลือเชื่อ
ครั้นมาถึงบ่ายวันจันทร์ที่ 4 กุมภาพันธ์ วันที่ผมนั่งบันทึกเหตุการณ์นี่แหละครับ เห็นแล้วก็มีความสุขอย่างบอกไม่ถูก เพราะทุกจุดที่เขาไปวัดใน กทม. และปริมณฑลเขียวพรืดทั้งหมดเลยครับ ไม่มีแม้สีเหลืองด้วยซ้ำไป
แถมที่แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ บ้านผมยังเป็น “สีฟ้า” อ่อนสดใสที่แปลว่า “อากาศคุณภาพดีมาก” มาตั้งแต่เช้าจนบ่าย 3 โมงแล้วก็ยังสีฟ้าอยู่เลย ค่าฝุ่น PM 2.5 อยู่ที่ 25 เท่านั้นเอง ต่ำกว่าเกณฑ์อันตราย 50 ตั้งครึ่งหนึ่ง
เป็นครั้งแรกที่ผมถอดหน้ากากแล้ววิ่งออกไปนอกบ้านสูดอากาศเข้าปอดอย่างเต็มอิ่มหลายสิบเฮือก หลังจากไม่กล้าทำแบบนี้มาหลายวันแล้ว
หนังสือพิมพ์พาดหัวข่าวว่าที่เป็นเช่นนี้เพราะมีลมทะเลพัดมาช่วยบวกกับความร่วมมือร่วมใจในการส่งเครื่องบินขึ้นโปรยน้ำ ไปจนถึงโรงงานอุตสาหกรรม 1,500 แห่งหยุดโรงงานให้เป็นเวลา 3 วัน
แม้แต่ห้างสรรพสินค้าดังอย่าง เดอะมอลล์ ที่กำลังก่อสร้างตึกหลายแห่ง ทั้งที่ เดอะมอลล์รามคำแหง และศูนย์การค้า เอ็มสเฟียร์ สุขุมวิท ก็หยุดก่อสร้างไป 3 วันเช่นกัน
ผมคงบันทึกได้ไม่หมดต้องขออภัยด้วย และขอขอบคุณพร้อมปรบมือให้สำหรับการเสียสละของทุกๆ ฝ่าย จนทำให้วันนี้ (4 ก.พ.) เป็นวันที่ผมสามารถสูดอากาศที่เขตบางกะปิได้อย่างเต็มปอดอีกครั้งหนึ่ง
แต่จะมีความสุขได้อีกนานเท่าไรคงต้องรอดูอีกระยะหนึ่ง…กลัวว่าจะเป็นความสุขระยะสั้นน่ะซี…พอโรงงานหันมาเปิดต่อ รถยนต์ออกจากบ้านมาพ่นควันต่อ และการก่อสร้างทั้งหลายต้องก่อสร้างต่อไป ฯลฯ
เจ้าสีส้มและสีแดงที่เป็นตัวบอกว่าฝุ่นจิ๋วเกินค่าอันตราย…จะกลับมาเขย่าขวัญเหมือนเดิมหรือไม่ ยังต้องลุ้นกันต่อไปครับ?
“ซูม”