บทบาทใหม่กระทรวงพาณิชย์ จาก “ส่งออก” มาช่วย “คนจน”

ผมนั่งเอาใจช่วยโครงการของรัฐบาลนี้อย่างสุดกำลัง หรือพูดอย่างภาษาชาวบ้านก็คือ นั่งลุ้นจนตัวโก่งอยู่โครงการหนึ่งและได้เขียนให้กำลังใจไปหลายครั้ง

โครงการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยเฟส 2 นั่นแหละครับ…โครงการที่รัฐบาลทุ่มงบประมาณลงไปอีกก้อนใหญ่ ประมาณ 35,000 ล้านบาท

ผมไม่ค่อยเห็นด้วยกับเฟสแรก เพราะมีแต่ทุ่ม มีแต่แจกลูกเดียว แต่ก็เข้าใจดีว่ารัฐบาลท่านมีเป้าหมายอะไรบางอย่างอยู่ในใจ

นั่นก็คือเป้าหมายในการขึ้นทะเบียนคนจน หรือดึงคนจนให้เข้ามาอยู่ในระบบจะได้รู้ว่าใครเป็นใคร และเมื่อถึงเวลาช่วยจะได้ช่วยอย่างถูกฝาถูกตัวมากขึ้น

ไม่เหมือนตัวเลขคนจนที่สำนักงานสถิติแห่งชาติและสภาพัฒน์เคยสำรวจไว้ ซึ่งเป็นการสำรวจในทางวิชาการในทางสถิติพอประมาณได้ว่ามีคนจน 10 ล้านคน 12 ล้านคนทั่วประเทศ แต่ไม่รู้ว่าตัวตนอยู่ที่ไหน

แม้วิธีขึ้นทะเบียนคนจนของรัฐบาลจะมีจุดอ่อนอยู่บ้าง คือได้ “คนอยากจน” กับ “คนแอบจน” หลุดเข้ามาพอสมควร ในขณะที่ “คนจนตัวจริง” ยังตกหล่นอยู่อีกพอสมควร

แต่ก็เอาเถอะ อย่างน้อยก็คงจะได้คนจนเข้ามาในระบบเป็นส่วนใหญ่ และสามารถที่จะจัดโครงการลงไปช่วยเหลือแบบตรงตัวคนจนได้มากขึ้นกว่าในยุคที่ผ่านมา

ผมมาเห็นด้วยกับเฟส 2 ที่จะมีการช่วยเหลือในรูปแบบของการฝึกอบรมเพื่อสร้างงาน สร้างอาชีพ หรือการสร้างระบบในการเพิ่มรายได้ที่ถาวรให้แก่คนจนหลายต่อหลายรูปแบบ

ที่ผมชอบมากเป็นพิเศษก็คือ การดึกระทรวงพาณิชย์เข้ามาเอี่ยวด้วยเต็มตัว โดยจะมีโครงการจากกระทรวงพาณิชย์ลงไปสนับสนุนหลายๆ โครงการ และที่สำคัญที่สุดจะมีเจ้าหน้าที่ของกระทรวงพาณิชย์ร่วมไปเป็น “หมอประชารัฐสุขใจ” ด้วย

นับเป็น “จุดแข็ง” ของการจัดกำลังทัพลงไปช่วยเหลือคนจนของรัฐบาลนี้ ที่จะมีแม่ทัพนายกองลงพื้นที่ได้อย่างครบวงจรมากกว่าในอดีต

ในสมัย “ป๋าเปรม” ระบบพัฒนาชนบทเพื่อแก้ปัญหาความยากจนในระดับพื้นที่ โดยเฉพาะในระดับหมู่บ้านนั้น จัดตัวแทนไว้เพียง 4 คน จาก 4 กระทรวงเท่านั้น ได้แก่ เกษตรฯ มหาดไทย ศึกษาธิการ และสาธารณสุข

เคยมีการคิดถึงกระทรวงพาณิชย์ แต่ก็ยังไม่มีการคิดโครงการว่าจะให้ทำอะไร และเข้าไปมีบทบาทอย่างไรกับการพัฒนาชนบทยุคนั้น

ตัวแทนของกระทรวงพาณิชย์จึงมีบทบาทเพียงแค่เป็น 1 ในกรรมการของคณะกรรมการพัฒนาชนบทระดับจังหวัดและอำเภอ ไม่ได้ลงลึกไปถึงหมู่บ้าน หรือครัวเรือนแต่อย่างใด

ดังนั้น ที่รัฐบาลชุดนี้มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์เป็นกระทรวงเอกกระทรวงหนึ่ง และให้ “พาณิชย์จังหวัด” ส่งตัวแทนเข้าอยู่ในทีม “หมอประชารัฐสุขใจ” จึงถูกใจผมที่ติดตามเรื่องนี้มาตั้งแต่ต้น

เท่าที่เคยอ่านพบคำสัมภาษณ์ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ท่านกล่าวไว้ว่า บทบาทของกระทรวงพาณิชย์ในเฟส 2 นี้ จะเน้นเรื่องการสร้างงาน และสร้างอาชีพให้กับกลุ่มผู้มีรายได้น้อย

โดยจะผลักดันให้นำระบบ “แฟรนไชส์” มาใช้ประโยชน์ในการสร้างงานสร้างอาชีพแก่ผู้มีรายได้น้อย รวมทั้งจะผลักดันให้ราคาสินค้าเกษตรเพิ่มสูงขึ้นเพื่อเพิ่มรายได้แก่เกษตรกร

นอกจากนี้ จะนำอินเตอร์เน็ตประชารัฐมาเชื่อมโยงกับการค้าขาย โดยเฉพาะการพัฒนาให้ร้านโชห่วยและร้านค้าชุมชนสามารถทำการค้าขายผ่านระบบออนไลน์ หรือ อี-คอมเมิร์ซ ซึ่งจะช่วยผลักดันให้สินค้าเกษตรและสินค้าชุมชนมีช่องทางการขายมากขึ้น

ยังมีอีกหลายๆโครงการครับที่ท่านรัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ท่านแถลงไว้ รวมทั้งโครงการ “ส่งกล้วยตากสู่ตลาดโลก” ที่ผมเคยเขียนถึงท่านเมื่อตอนเขียนถึงงานเตรียมอุดมศึกษาครบ 80 ปี

สรุปว่าการจัดทัพและจัดอาวุธลงไปรบกับปัญหาความยากจนของรัฐบาลนี้ดูดีมาก และครบวงจรจริงๆ แต่ปัญหาความยากจนก็เป็นปัญหาที่แก้ยาก เพราะขึ้นกับปัจจัยหลายๆอย่าง

ผมก็ขอให้กำลังใจรัฐบาลและกระทรวงพาณิชย์ ขอให้โครงการที่วาดฝันไว้ครั้งนี้และใช้เงินจำนวนไม่น้อยจงประสบความสำเร็จคุ้มค่าภาษีอากรที่คนไทยจำนวนมากจะต้องไปเสียเพิ่มเติมภายในเดือนมีนาคมนี้ ทุกประการเทอญ.

“ซูม”