“การเงิน” และ “การคลัง” “หัวใจ” พัฒนาประเทศทั้งคู่
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาผมหยิบข่าวพาดหัวของไทยรัฐฉบับก่อนหน้านั้นมาเขียนซ้ำเพื่อให้กระทรวงการคลังกับธนาคารแห่งประเทศไทยหรือแบงก์ชาติ เข้ามานั่งพูดคุยกันอย่างเปิดอกเปิดใจด้วยกันทั้ง 2 ฝ่าย
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาผมหยิบข่าวพาดหัวของไทยรัฐฉบับก่อนหน้านั้นมาเขียนซ้ำเพื่อให้กระทรวงการคลังกับธนาคารแห่งประเทศไทยหรือแบงก์ชาติ เข้ามานั่งพูดคุยกันอย่างเปิดอกเปิดใจด้วยกันทั้ง 2 ฝ่าย
ระหว่างที่ผมไปพักผ่อนแบบชิลๆ ที่บ้านกรูด อ.บางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ 3-4 วัน ดังที่ได้เรียนให้ท่านผู้อ่านได้ทราบแล้วนั้นต้องยอมรับว่าเป็นห้วงเวลาที่ผมมีความสุขอย่างแท้จริง
ทุกๆ ปีในขบวน “แห่เจ้าพ่อเจ้าแม่” ในเทศกาลตรุษจีนของชาวปากน้ำโพ หรือนครสวรรค์บ้านผม นอกจากขบวน “มังกรทอง” และ “สิงโต” อันลือชื่อแล้วยังมีอีกขบวนหนึ่งที่ได้รับความนิยมมากพอๆ กัน…เรียกว่าขบวน “เอ็งกอพะบู๊”
เมื่อวานนี้ผมเขียนขอบคุณและปรบมือให้แก่ 99 นักเศรษฐศาสตร์ที่ลงนามคัดค้านนโยบายแจกเงินดิจิทัลรายละ 10,000 บาท ของรัฐบาลนี้ โดยเอ่ยถึงชื่อนักเศรษฐศาสตร์คนสำคัญ 3-4 ท่าน ที่เคยมีบทบาทในการพัฒนาชาติบ้านเมืองมาแล้วในอดีต
ผมขอขอบคุณและขอปรบมือให้แก่นักเศรษฐศาสตร์ผู้กล้าหาญที่ตามข่าวบอกว่ารวมแล้ว 99 รายพอดิบพอดีที่ลงชื่อแสดงความคิดเห็นคัดค้านนโยบายแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาทแก่ประชาชนอายุ 16 ปีขึ้นไปของรัฐบาลชุดปัจจุบัน
เมื่อวานนี้ผมเขียนเปรียบเทียบ กรณี “แบงก์ล้ม” ที่อเมริกาว่าเหมือน “ฝนตก” ที่โน่น แต่กลัวว่านํ้าจะไหลบ่า “มาท่วม” ในบ้านเรา เพราะโลกยุคปัจจุบันนั้นแคบเหลือเกิน
ผมเขียนถึงการพัฒนาประเทศแบบไทยๆ หรือ “ไทยโมเดล” คือการดึง “คนเก่ง” ลงไปช่วย “คนไม่เก่ง” จนประเทศของเราเจริญก้าวหน้า จากประเทศรายได้ต่ำก้าวขึ้นมาเป็นประเทศรายได้ปานกลางขั้นสูงอยู่ในขณะนี้