มิใช่ “เงิน” ที่หล่นจากเป๋า ขอบคุณที่จะใช้อย่าง “เห็น
ผมขอทำหน้าที่ร่วมบันทึกถึงเหตุการณ์สำคัญอีกเหตุการณ์หนึ่งของประเทศไทยที่เกิดขึ้นในปลายเดือนกันยายน 2567 เป็นต้นมา และเป็นข่าวหัวใหญ่ของหนังสือพิมพ์ทุกฉบับ
ผมขอทำหน้าที่ร่วมบันทึกถึงเหตุการณ์สำคัญอีกเหตุการณ์หนึ่งของประเทศไทยที่เกิดขึ้นในปลายเดือนกันยายน 2567 เป็นต้นมา และเป็นข่าวหัวใหญ่ของหนังสือพิมพ์ทุกฉบับ
ก่อนเที่ยงของวันพุธที่ 4 กันยายนเล็กน้อย ระหว่างผมนั่งรถเข้าโรงพิมพ์ สถานีวิทยุที่ผมเปิดฟังข่าวอยู่ก็รายงานข่าวด่วนว่า เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาได้เผยแพร่ประกาศพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ
เมื่อวานนี้ผมเขียนแสดงความห่วงใยว่าลำพังลูกสาวเถ้าแก่เข้าบริหารประเทศ ทั้งๆ ที่ยังฝึกงานไม่พอ แม้จะน่าห่วงใยอยู่แล้ว แต่การที่เถ้าแก่ออกมาแสดงวิสัยทัศน์ราวกับว่าจะบริหารประเทศเสียเองแทนลูก…จะน่าห่วงใยยิ่งกว่า
ผมเขียนถึง “การเมือง” ของประเทศไทยครั้งหลังสุด เมื่อวันพุธที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา บรรยายถึงความห่วงใยและหนักใจที่เราจะได้นายกรัฐมนตรี “มือใหม่” มาดำรงตำแหน่งแทนคุณเศรษฐา ทวีสิน ที่ต้องพ้นจากตำแหน่งด้วยอุบัติเหตุทาง “จริยธรรม” ดังที่ทราบกันดีอยู่แล้ว
นับตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2566 หรือเดือนนี้เมื่อปีที่แล้วเป็นต้นมา มีการเปลี่ยนแปลงผู้นำประเทศเกิดขึ้นในลักษณะเดียวกับ “เถ้าแก่” ปั้นทายาทของตนให้ขึ้นดำรงตำแหน่งซีอีโอบริษัทถึง 3 ประเทศด้วยกันในอาเซียน
ในบรรดา “ข้อคิดเห็น” จากนักวิชาการ จากผู้มีประสบการณ์ ในการบริหารชาติบ้านเมืองในอดีต ที่ “โพสต์” ไว้ในโซเชียลมีเดีย ถึงนายกรัฐมนตรีคนใหม่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ที่มีคุณค่าน่ารับฟัง และควรแก่การนำไปปฏิบัติมากที่สุด
ผมเขียนทิ้งท้ายคอลัมน์เมื่อวันศุกร์ที่ 16 สิงหาคม ฝากเป็นข้อพิจารณา สำหรับท่าน สส. ซึ่งมีหน้าที่ในการเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ แทนอดีตนายกฯ เศรษฐา ทวีสิน หลายข้อ..แต่หลักๆ ดูเหมือนจะมีอยู่ 2 ข้อ
ในที่สุดคณะตุลาการ ศาลรัฐธรรมนูญ ก็มีมติ 5-4 มีคำวินิจฉัยว่าการเสนอชื่อนายพิชิตขึ้นดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีนั้นเข้าข่ายเป็นบุคคลที่กระทำการอันไม่ซื่อสัตย์สุจริต ทำให้ความเป็นรัฐมนตรีของคุณเศรษฐาสิ้นสุดลง และเป็นผลให้คณะรัฐมนตรีทั้งคณะพ้นจากตำแหน่งไปด้วย
หลังการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันอังคารที่แล้ว ท่านนายกฯ เศรษฐา ทวีสิน ออกมาแถลงกับผู้สื่อข่าวในหลายๆ เรื่อง หลายๆ ประเด็น เป็นข่าวใหญ่บ้างเล็กบ้างตามสื่อต่างๆ
เมื่อช่วงหัวค่ำของวันออกลอตเตอรี่ 16 กรกฎาคมที่ผ่านมา มีข่าวใหญ่ๆ มากๆ เผยแพร่อย่างรวดเร็วในสื่อสังคมออนไลน์ว่า มีการพบศพนักท่องเที่ยวเวียดนามนอนเสียชีวิตอยู่ในห้องพักเดียวกันที่โรงแรมแกรนด์ไฮแอท เอราวัณ ราชประสงค์ ถึง 6 ศพ