ผมขอทำหน้าที่ร่วมบันทึกถึงเหตุการณ์สำคัญอีกเหตุการณ์หนึ่งของประเทศไทยที่เกิดขึ้นในปลายเดือนกันยายน 2567 เป็นต้นมา และเป็นข่าวหัวใหญ่ของหนังสือพิมพ์ทุกฉบับ
เหตุการณ์ที่รัฐบาลโอนเงินตามโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจปี 2567 ให้แก่กลุ่มเปราะบางและคนพิการที่ถือบัตรสวัสดิการของรัฐ จำนวนประมาณ 14.5 ล้านคน คนละ 10,000 บาท ตั้งแต่วันพุธที่ 25 กันยายนนั่นแหละครับ
มีพี่น้องประชาชนกลุ่มเปราะบางและกลุ่มผู้พิการไปยืนรอกดเงินตามตู้ เอทีเอ็ม หน้าธนาคารของรัฐ เช่น ธ.ก.ส., ธนาคารออมสิน และธนาคารกรุงไทยแน่นขนัดทุกแห่ง
น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวในช่วงพิธี “เปิดตัว” หรือ “คิกออฟ” โครงการโอนเงินกระตุ้นเศรษฐกิจ 2567 ณ ตึกสันติไมตรี (หลังใน) ทำเนียบรัฐบาลตอนหนึ่งว่า
“วันนี้เงินสดจะถึงมือคนไทยที่เป็นกลุ่มเปราะบางและผู้พิการกว่า 14.5 ล้านคน จะเกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ และจะช่วยกระจายโอกาสทางเศรษฐกิจให้พี่น้องประชาชนสร้างโอกาสสร้างความหวังนำไปสู่การพัฒนาเพื่อต่อยอดคุณภาพชีวิต ทำให้พี่น้องมีกินมีใช้มีเกียรติมีศักดิ์ศรี”
ในขณะที่พี่น้องประชาชนทั่วประเทศที่ทีวีทุกช่องรายงานข่าวสดมาจากภาคสนามก็ล้วนแสดงความดีใจ ยิ้มแย้มแจ่มใส ไปรอ กดเงินแต่เช้า กดแล้วก็นำมาคลี่ให้ตากล้องทีวีต่างๆ บันทึกภาพพร้อมกับกล่าวขอบคุณรัฐบาล
บ้างก็ให้สัญญาผ่านหน้ากล้องว่าจะนำไปใช้ประโยชน์และเพื่อสิ่งจำเป็นของชีวิต เช่น จะซื้อข้าวสารตุนไว้บ้าง ซื้ออาหารแห้ง ไปประจำบ้านบ้าง รวมทั้งจะถอนมาใช้จำนวนหนึ่งเท่านั้น จะพยายามใช้ในส่วนที่เหลือให้นานที่สุด
บ้างก็บอกว่าจะเอาไปจ่ายเป็นค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าต่อท่อประปา หรือซ่อมแซมบ้านที่ชำรุดทรุดโทรม
แต่ก็มีเหมือนกันที่โพสต์ในสื่อสังคมออนไลน์ว่าจะเอาไปรับประทานหมูกระทะ, สุกี้ หรือหม่าล่า และรายหนึ่งบอกว่าได้ค่าดู “บัตรคอนเสิร์ต” แล้ว
ภาพที่ไม่งดงามก็มีบ้าง เช่น มีการไปทวงหนี้สินต่อหน้าตู้เอทีเอ็ม หรือตามรอยไปเรียกเก็บเงินที่บ้านทันทีจากกลุ่มนายทุนเงินกู้นอกระบบ ซึ่งก็มีข่าวว่าทางราชการขอให้ตำรวจช่วยดูแลเหตุการณ์ที่ไม่เหมาะสมเหล่านี้ด้วย
ผมเองอยู่ในฐานะของฝ่ายไม่เห็นด้วยของโครงการนี้เมื่อครั้งจะแจกเป็นเงินดิจิทัล และจะแจกทั่วไปหมดแบบพายุหมุนลูกใหญ่อย่างที่แถลงไว้ตอนแรก
ต่อมาเมื่อเปลี่ยนแปลงวัตถุประสงค์มาเป็นแจกผ่านระบบเดิมมิได้สร้างระบบอะไรใหม่ และเริ่มต้นด้วยการแจกกลุ่มเปราะบางและผู้พิการ ผมก็เห็นด้วยในระดับหนึ่ง
ถึงแม้จะไม่เห็นด้วยกับการกู้มาแจก เพราะว่ามีภาระหนี้สินของประเทศเป็นเดิมพัน แต่เมื่อนำมาแจกแก่ผู้เปราะบางผมก็ทำใจได้ เพราะเป็นกลุ่มที่เราควรดูแลตามสมควรอยู่แล้ว
จริงอยู่อาจจะมี “ผู้เปราะบางปลอม” คือหลอกรัฐบาลก่อนๆ จนได้บัตรสวัสดิการของรัฐด้วยเหลี่ยมเล่ห์ต่างๆ อยู่บ้าง แต่ผมก็หวังว่าคงไม่ใช่ส่วนใหญ่…
ส่วนท่านที่เปราะบางจริงๆ นั้น…ผมขอแสดงความยินดีด้วยและขอขอบคุณอย่างยิ่งที่หลายๆ ท่านให้คำมั่นสัญญาว่าจะนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด และอย่างกระเหม็ดกระแหม่
แต่เหนืออื่นใดอยากจะกราบเรียนว่าเงินก้อนนี้มิใช่ข้าวตอกดอกไม้ที่โปรยลงมาจากนางฟ้านางสวรรค์ หากเป็นเงินที่มีต้นทุนสูงอย่างยิ่งถึงขนาดเอาอนาคตทางการคลังของประเทศเป็นเดิมพัน
จึงขอให้ใช้จำนวนเงินที่ท่านได้รับหนึ่งหมื่นบาทครั้งนี้ด้วยความระมัดระวังประหยัดมัธยัสถ์ดังที่ท่านตอบผ่านกล้องทีวีด้วยนะครับ…ขอขอบคุณและยินดีอีกครั้งครับ.
“ซูม”