ความจริงผมควรจะเขียนถึงเรื่องราวที่ผมพาดหัวคอลัมน์วันนี้ในหน้ากีฬาไทยรัฐที่ผมมีคิวเขียนสัปดาห์ละครั้ง
เผอิญอ่านข่าวหน้า 1 และข่าวการเมือง รวมไปถึงนั่งฟังวิเคราะห์การเมืองผ่านจอทีวีเยอะไปหน่อยในช่วงนี้ ก็ชักใจไม่ค่อยดีเกรงว่าประวัติศาสตร์การเมืองจะกลับมาหมุนซํ้ารอยเดิม
ร่องรอยแห่งการทะเลาะเบาะแว้งและการแตกแยกแบ่งออกเป็นหลายฝักหลายฝ่ายที่ทำให้ประเทศไทยของเราติดอยู่ในกับดัก…เดินหน้าสลับหยุดนิ่งและบางครั้งก็ถอยหลังนั่นแหละครับ
ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา นอกจากเชียงใหม่จะกลายเป็นเมืองที่มีฝุ่นจิ๋ว PM 2.5 รุนแรงที่สุดเป็นอันดับ 1 ของโลก และอยู่ในท็อป 5 ของโลก ติดต่อกันหลายวัน อันเนื่องมาจากการเผาป่า เผานา เผาไร่ ทั้งภายในจังหวัดเองและนอกจังหวัด รวมไปถึงนอกประเทศดังที่ทราบกันดีอยู่แล้ว
ยังมี “ควันไฟ” อันเนื่องมาจากการปะทะกันระหว่างพรรคการเมืองมาร่วมผสมโรงด้วยอย่างชัดแจ้ง
ปะทะกันอย่างไร? ชิงเหลี่ยม ชิงคูกันอย่างไร? ระหว่างพรรคไหนบ้าง? ท่านผู้อ่านที่เป็นคอการเมืองอยู่แล้วคงจะทราบอย่างดียิ่ง
ทำให้ผมตัดสินใจหยิบยก “เหตุการณ์” ที่จะเกิดขึ้นในคํ่าวันนี้ คือการแข่งขันฟุตบอลในศึกฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก “โซนเอเชีย” ระหว่าง ทีมชาติไทย หรือ ทีมช้างศึก ของเรา กับทีม เกาหลีใต้ หรือทีม พลังโสม มาเขียนในคอลัมน์นี้แทนที่จะเขียนในหน้ากีฬา
เผื่อจะเป็นนํ้าฉีดจากท่อสายยางเล็กๆ ในการที่จะช่วยลดความร้อน ทางการเมืองได้บ้าง แม้สักเล็กๆน้อยๆก็ยังดีกว่าไม่ลดเอาเสียเลย
เพราะผมทราบดีว่า ทีมฟุตบอลไทยหรือช้างศึกของเรานั้นเป็นที่รักที่ชื่นชอบของคนไทยทุกๆ คน และพรรคการเมืองทุกพรรคโดยไม่มีแตกแยกออกไปเป็นอย่างอื่น
อาจจะปันใจไปเชียร์ลิเวอร์พูลบ้าง แมนฯ ยูบ้าง ก็ไปแบบชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้น เมื่อถึงเวลาก็จะหันกลับมารักและเชียร์ทีมชาติไทยตามเดิม
บางช่วงบางตอนผู้บริหารสมาคมฟุตบอลไม่เอาไหน ส่งผลมาถึงนักเตะและทีมฟุตบอล ทำให้เล่นไม่ดี เตะสู้เพื่อนบ้านไม่ได้ เราก็อาจจะโกรธอาจจะด่าผู้บริหาร หรือบ่นโค้ชบ่นนักเตะบ้าง
แต่ที่สุดของที่สุดเราก็ตัดไม่ตายขายไม่ขาด เพราะไม่ว่าอย่างไรทีมชาติหรือทีมช้างศึกก็คือทีมของเรา…ทีมที่เราจะต้องรักและเชียร์ต่อไป
ที่สำคัญ ณ นาทีนี้ เรากำลังอยู่ในช่วงได้นายกสมาคมลูกหนังท่านใหม่ “มาดามแป้ง” คุณ นวลพรรณ ลํ่าซํา ผู้ถึงพร้อมด้วยความเสียสละและ…ด้วยความรักในกีฬาฟุตบอลอย่างแท้จริง
ทำให้ประเทศไทยเหมือนได้ “แม่ย่านาง” คนใหม่ ที่จะมาเป็นผู้กอบกู้วงการฟุตบอลให้ฟื้นคืนชีพกลับมาอีกครั้ง
ในขณะที่โอกาสของช้างศึกเราในฟุตบอลโลก รอบคัดเลือกโซนเอเชียรอบ 2 กลุ่มซี ณ บัดนี้ก็ยังพอมีอยู่
ถ้าเราไปแข่งกับเกาหลีใต้ซึ่งเก่งมาก ไปบอลโลกมาแล้วหลายครั้ง… แล้วแพ้เขามาน้อยๆในค่ำวันนี้ รวมทั้งนัดหน้าวันที่ 26 มีนาคม ที่จะมาเตะในบ้านเราที่สนามราชมังคลาฯ ก็พยายามแพ้ให้น้อยๆ อีกหน โอกาสที่เราจะได้เข้ารอบ 3 ก็ยังพอมี
เพราะจะเหลือทีมจีนขวางทางอยู่ และเราก็แพ้เขาไป 1 ครั้ง หากแก้ตัวเอาชนะจีนได้ในครั้งต่อไป รวมทั้งชนะสิงคโปร์ด้วย โอกาสที่เราจะเข้ารอบ 3 ในฐานะที่ 2 ของกลุ่ม ก็ยังพอมีอย่างที่ว่า
ผมจึงเห็นว่า การส่งใจไปเชียร์ทีมช้างศึกไทยและให้กำลังใจมาดามแป้งในวันนี้ จะเป็นการหันกลับมาสู่บรรยากาศของความรู้รักสามัคคีของคนไทยเราอีกครั้งหนึ่ง
เหมือนในยุคก่อนที่ฟุตบอลเราเล่นดีพอใช้ มี “ไอ้ตุ๊ก” ปิยะพงษ์ เป็นศูนย์หน้า…ลงเตะเมื่อไร คนไทยก็จะดูทีวีเชียร์ทั้งบ้านทั้งเมือง หรืออย่างนักมวยไทยจะขึ้นชกชิงแชมป์โลกบ้าง ป้องกันแชมป์บ้าง เช่น “ไอ้แสบ” แสนศักดิ์ เมืองสุรินทร์, เขาทราย แกแล็คซี่ ท้องถนนก็จะว่างเพราะคนไทยอยู่บ้านดูทีวีเชียร์นักชกของเรา
คํ่าวันนี้ตั้งแต่ 18.00 น. เป็นต้นไป ไทยรัฐทีวีช่อง 32 จะถ่ายทอดสดจากสนามโซลเวิลด์คัพเกาหลีใต้ มาให้คนไทยดูชมทั่วประเทศ
ขอบรรยากาศแห่งความรัก ความสามัคคีรวมใจเป็นหนึ่ง “หน้าจอ” ของคนไทย กลับมาอีกครั้งนะครับ!
“ซูม”