เมื่อ 5 ปีก่อนมีร้านก๋วยเตี๋ยวเรือร้านหนึ่งมาโผล่ขึ้นห้างอย่างโอ่อ่าสง่างาม ณ ศูนย์การค้าทันสมัย “เซ็นทรัล เอ็มบาสซี” ท่ามกลางเสียงวิจารณ์ว่าจะไปรอดหรือ?
เพราะตั้งราคาก๋วยเตี๋ยวเรือของเขาไว้ถึงชามละ 200 บาท และบางเมนูหรือบางชามเกือบ 300 บาทเอาด้วยซํ้า
จากก๋วยเตี๋ยวเรือที่คนไทยถือว่าเป็นก๋วยเตี๋ยวราคาถูกชามละ 20-30 บาท และยุคหนึ่งชามละประมาณ 10 บาทเท่านั้น จะมาขายตั้ง 200 กว่าบาทใครจะกิน?
นั่นก็คือร้านก๋วยเตี๋ยวเรือ “ทองสมิทธ์” ที่ท่านผู้อ่านคงจะได้ยินชื่อเสียงกันบ้างแล้ว
อย่างเหลือเชื่อ ก๋วยเตี๋ยวเรือ ทองสมิทธ์ กลับขายดีและทำกำไรได้เป็นอย่างดี แถมฝ่าวิกฤติโควิด-19 มาได้อย่างงดงาม
หนังสือพิมพ์ธุรกิจและการตลาดหลายฉบับรายงานตรงกันว่า จากรายได้ปีแรกที่เปิดเมื่อปี 2561 รวมแล้ว 14.9 ล้านบาท มีกำไร 1.1 ล้านบาท ถือว่าเอาตัวรอดได้
ปรากฏว่าปีล่าสุดคือ 2565 ทั้งๆ ที่โควิด-19 ยังไม่ซาดีด้วยซํ้า ก๋วยเตี๋ยวเรือทองสมิทธ์โกยรายได้ไปถึง 704 ล้านบาท และกำไรถึง 162 ล้านบาทเลยทีเดียว
ปี 2566 ที่ผ่านไปหมาดๆ ตัวเลขจะออกมาเท่าไรยังลุ้นกันอยู่ และมีการเดิมพันกันแล้วด้วยซํ้าว่าจะถึง 1,000 ล้านหรือไม่?
ไม่แน่ใจว่าปัจจุบันก๋วยเตี๋ยวเรือ “ทองสมิทธ์” จะมีกี่สาขากันแน่ บ้างก็ว่า 13 บ้างก็ว่ามากกว่านั้น เพราะล่าสุดก็เปิดใหม่อีก 2 สาขา คือที่ เอ็มสเฟียร์ ห้างยักษ์สุขุมวิท กับที่ เดอะมอลล์ บางกะปิ ที่แปลงโฉมมาเป็น “ไลฟ์สโตร์” เรียบร้อย เมื่อต้นธันวาคมที่ผ่านมา
หัวหน้าทีมซอกแซกเป็นลูกค้า เดอะมอลล์บางกะปิ มากว่า 30 ปี ถือเป็นห้างที่อยู่ “ปากซอย” หน้าบ้าน และเป็นห้างประจำตัว ใช้เป็นที่พึ่งพาอาศัย ทั้งยามสุขยามทุกข์
เมื่อ ทองสมิทธ์ มาเปิดที่ห้างหน้าปากซอยบ้านเราเช่นนี้ จะไม่ลอง “ลิ้ม” ดูสักทีเลยหรือไร?
ว่าแล้วก็ชวนศรีภรรยาคู่ใจไปกันแค่ 2 คน เพราะตามข่าวมาตลอดว่า “เตี๋ยวเรือ” เจ้านี้ชามละ 200 เลี้ยงทั้งครอบครัวซึ่งมีสมาชิก 7 คนคงไม่ไหว เพราะรวมแล้วคงต้องจ่ายเกิน 1,000 บาทแน่ๆ
ปรากฏว่าคิดถูกแล้วที่ไปแค่ 2 คน เพราะราคาล่าสุดเฉลี่ยชามละ 200 บาทก็จริง แต่ก็มีบางเมนู เช่น เลขที่ D10 “นํ้าตกวากิวริบอาย ทองสมิทธ์” ราคาสูงถึง 529 บาทไทยเลยทีเดียว
หัวหน้าทีมซอกแซกยังไม่กล้าลองราคาสูงสุดที่ว่า ก็เลยสั่งราคารองลงมา D8 นํ้าตกวากิวทองสมิทธ์ มีวงเล็บว่า (วากิวออสเตรเลียสไลซ์, ลูกชิ้น เนื้อตุ๋น, เอ็นตุ๋น) พร้อมคำแปลภาษาอังกฤษว่า Sliced Australia wagyo Round, Beef Ball, Braised Shank and Tendon…สนนราคา 329 บาท
เป็นที่มาของการตั้งชื่อหัวเรื่องสัปดาห์นี้ว่า “เตี๋ยวเรือ 300 บาท” ทั้งๆ ที่ควรจะตั้งว่า “เตี๋ยวเรือ 500 บาท” ตามราคาสูงสุดในเมนูที่ปรากฏเสียด้วยซํ้า
ส่วนของภรรยา เธอไม่ทานเนื้อก็เลยทดลองเมนูหมูในราคา 179 บาท หรือประมาณ 200 บาท (เพราะตอนหลังเขาบวกเซอร์วิสชาร์จไปด้วย 10 เปอร์เซ็นต์)
ถามว่าอร่อยไหม? ก็คงต้องบอกว่าอร่อย เพราะเขาใช้เนื้ออย่างดี หมูอย่างดี นํ้าปลาดี ซีอิ๊วดี ผักต่างๆ ก็อย่างดี ฯลฯ ประกอบกับเคยอ่านเจอว่าก่อนออกมาสูตรนี้ คณะผู้ก่อตั้งบริษัทเตี๋ยวเรือเจ้านี้ได้ทดลองแล้วทดลองอีก
เมื่อทุกอย่างดีหมดเอามาปรุงร่วมกับ “เนื้อวากิวออสเตรเลีย” ซึ่งก็อร่อยลื่นลิ้นอยู่แล้วจะบอกว่า “ไม่อร่อย” ก็จะเป็นการโกหกตัวเอง
เหนืออื่นใดขณะที่นั่งรับประทานที่ เดอะมอลล์ ไลฟ์สโตร์ บางกะปิ เมื่อคํ่าวันพฤหัสฯที่ผ่านมา ก็ปรากฏว่าผู้คนหลั่งไหลเข้ามาไม่หยุดจนเกือบเต็ม แสดงว่าของเค้าต้องดีจริง ไม่งั้นจะมีคนยอมควักเงินครั้งละ 200-300 บาท เพื่อมากินก๋วยเตี๋ยวเรือกันหรือ
น้องพนักงานเสิร์ฟบอกว่า ถ้าเสาร์-อาทิตย์ละก็ ต้องยืนรอคิวกันเลย
ขอแสดงความยินดีแก่ผู้ก่อตั้งอันประกอบด้วย คุณ กานต์ กิตติเวช, คุณ อัจฉรา บุรารักษ์, คุณ โรจนินทร์ อรรถยุกติ และคุณ อินทิรา แดงจำรูญ ที่เปิดตัวครั้งแรกที่ เซ็นทรัล เอ็มบาสซี เมื่อปี 2561
ชอบใจที่เลือกคำว่า “ทองสมิทธ์” มาเป็นชื่อร้าน โดยอธิบายว่า “ทอง” ก็คือทองนี่แหละ ไม่ได้ว่าแปลเป็นอย่างอื่นอยู่แล้ว ส่วน สมิทธ์ เป็นภาษาบาลีที่พ้องกับคำว่า สัมฤทธิ์ แปลว่า การเดินทางไปสู่ความสำเร็จ
ขออวยพรให้ประสบความสำเร็จและเจริญรุ่งเรืองต่อไป เพราะทุกๆ ความสำเร็จย่อมหมายถึงการจ้างงาน หมายถึงรายได้ของคนไทยที่มาทำงานในร้านอย่างที่เห็นๆ ก็ 20-30 คนเข้าไปแล้ว
เรื่องจริงเรื่องนี้พิสูจน์อีกครั้งว่าประเทศไทยของเรามี 2 “นครา” ซ้อนกันอยู่จริงๆ คือ นครา ของคน 10 เปอร์เซ็นต์ข้างบนที่รวยมากและมีถึง 6-7 ล้านคน เป็นอย่างน้อยในปัจจุบันนี้
คนระดับนี้จะจับจ่ายใช้สอยอะไรแพงๆ บ้าง ก็ต้องยอม เพราะกระเป๋าแบรนด์เนมลูกละหลายแสน เขายังซื้อมาใช้ได้ หากจะกินก๋วยเตี๋ยวเรือชามละ 400-500 บาท (เพราะใช้วัตถุดิบชั้นยอด) บ้างจะเป็นไรไป
ส่วนผู้มีรายได้อีก 10 เปอร์เซ็นต์ข้างล่าง หรือคนจนโดยทั่วไปพร้อมด้วยคนที่อยู่กลางๆ หรือรายได้ปานกลาง เช่นหัวหน้าทีมและผู้อ่าน ทั่วๆไป เราก็มีก๋วยเตี๋ยวเรือโกฮับ (ซึ่งป่านนี้คงเป็นลูกหลานเหลนโกฮับแล้ว) ไว้รองรับ เราก็รับประทานได้ ในราคา 15 บาท-20 บาท และ 30 บาท
ขอให้ทั้ง 2 นคราอยู่คู่กันไปอย่างมีความสุข มีอะไรก็อย่าลืมแบ่งปัน อย่าลืมช่วยเหลือกันดั่งที่หัวหน้าทีมซอกแซกยืนยันมาตลอดว่า ไม่มีประเทศไหนในโลกนี้ แก้ปัญหา “ช่องว่าง” หรือ “ความเหลื่อมลํ้า” ของรายได้ได้
ทางที่ดีที่สุดก็คือ ใครจะรวยก็รวยไป แต่ต้องจ่ายภาษีให้ถูกต้อง และเมื่อรวยแล้วอย่าลืมแบ่งปันมาให้คนจนบ้างก็แล้วกัน
ขอจบแบบนี้ก็แล้วกันครับ เพราะไม่งั้นก็ไม่รู้จะจบอย่างไรสำหรับการไปกินก๋วยเตี๋ยวเรือ ชามละ 300 กว่าบาท ของหัวหน้าทีมซอกแซก สัปดาห์นี้.
“ซูม”