เมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้วมีรายงานว่าท่านปลัดกระทรวงการคลังได้ออกมาแถลงแก่ผู้สื่อข่าวว่า เนื่องจากในช่วงเวลานี้อยู่ในช่วงของการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ และต้องอาจใช้เวลาในการจัดตั้งพอสมควร
อันจะเป็นผลให้การจัดทำร่างพระราชบัญญัติงบประมาณ ประจำปี 2567 ต้องล่าช้า และมีผลใช้บังคับเกินเลยไปจากปฏิทินของปีงบประมาณ 2567 ซึ่งจะเริ่มในวันที่ 1 ตุลาคมนี้
กระทรวงการคลังประเมินว่าการใช้ พ.ร.บ.งบประมาณที่ล่าช้านี้จะมีผลกระทบต่องบรายจ่ายลงทุนของภาครัฐ ในอันที่จะทำให้การขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวม หรือจีดีพีลดลง 0.05 เปอร์เซ็นต์
ดังนั้น เพื่อให้มีเม็ดเงินหมุนเวียนลงสู่ระบบเศรษฐกิจในช่วงเวลาที่ พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่าย ปี 2567 ยังไม่มีผลบังคับใช้ดังกล่าว กระทรวงการคลังจึงได้เตรียมแผนรองรับเพื่อให้มีเม็ดเงินหมุนเวียนลงสู่ระบบเศรษฐกิจไว้ประมาณ 1 แสนล้านบาท
ทั้งนี้ จะได้มีการประสานงานกับสำนักงบประมาณต่อไปอย่างใกล้ชิด สำหรับการจัดทำแผนงานรองรับเพื่อให้มีการใช้งบประมาณของปี 2567 ไปพลางก่อน ซึ่งเป็นอำนาจของผู้อำนวยการสำนักงบประมาณที่จะดำเนินได้ในหมวดที่เป็นรายจ่ายประจำ และงบโครงการลงทุนที่เป็นโครงการต่อเนื่อง ฯลฯ
ขณะเดียวกัน กระทรวงการคลังก็จะดำเนินการในเรื่องอื่นๆ ควบคู่กันไปด้วย เช่น เร่งรัดงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจต่างๆ ที่ไม่ต้องพึ่งพาเงินงบประมาณรวมทั้งหารือกับสถาบันการเงินของรัฐ สำหรับกรณีสินเชื่อต่างๆ ที่ให้แก่ประชาชนและผู้ประกอบการต่างๆ ซึ่งยังมีวงเงินสินเชื่ออยู่อีกจำนวนหนึ่ง
เพื่อเร่งรัดให้มีการปล่อยสินเชื่อนั้นๆ ในการที่จะช่วยผลักดันการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย เพื่อชดเชยในช่วงเวลาที่ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ 2567 ยังไม่ออกมาบังคับใช้
จริงๆ แล้วสาระของข่าวนี้ยังมีอีกหลายประเด็น แต่ผมขออนุญาตยกมาเป็นตัวอย่างโดยสังเขปในวันนี้เพียงเท่านี้ด้วย 2 เหตุผลครับ
เหตุผลแรกก็คือจะขอขอบคุณท่านปลัดกระทรวงการคลังและข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ของกระทรวงการคลังอื่นๆ ที่ได้ทำหน้าที่ของท่านอย่างเหมาะสม กับการเป็นข้าราชการกระทรวงการคลัง
มีการวิเคราะห์ถึงปัญหาและอุปสรรคต่างๆ ตามข้อเท็จจริง พร้อมกับเสนอแนวทางแก้ไขปัญหานั้นอย่างมีรูปธรรมโดยไม่ชักช้า เพื่อมิให้เศรษฐกิจของประเทศต้องถดถอยลงไป
แม้ว่าสิ่งที่ดำเนินการอาจไม่ได้ผลเต็มที่เหมือนการใช้งบประมาณที่คลอดออกมาตามกำหนดอย่างเป็นปกติ แต่ก็ถือว่าเป็นความพยายาม ซึ่งผมเชื่อว่าจะแก้ได้ หรือช่วยประเทศชาติได้ในระดับหนึ่ง
ส่วนเหตุผลข้อสองของการเขียนถึงข่าวนี้ ก็เพื่อจะฝากไปถึงข้าราชการประจำของกระทรวงอื่นๆ ด้วย
ดูจากสถานการณ์ ณ บัดนี้ ผมไม่แน่ใจว่าเราจะได้รัฐบาลเร็วนักและคงจะยังไม่มีรัฐมนตรีท่านใหม่มาดูแลงานของแต่ละกระทรวงอีกพักใหญ่
ในขณะที่รัฐมนตรีคนเก่าก็เป็นเพียงรัฐมนตรีรักษาการไม่สามารถที่จะอนุมัติโครงการใหม่ๆ อะไรได้ ซึ่งก็คงไม่เป็นไร เพราะงานแก้ปัญหาของชาติในหลายเรื่องก็ไม่จำเป็นจะต้องมีโครงการใหม่ๆ แต่อย่างใด
งานเก่างานเดิมที่ท่านดำเนินการอยู่นั่นแหละ จะสามารถช่วยแก้ปัญหาของประชาชน และของประเทศชาติในบางส่วนได้อยู่แล้ว
เหมือนอย่างที่กระทรวงการคลังพิจารณาแล้วเห็นว่าการล่าช้าของ พ.ร.บ.งบประมาณจะมีผลกระทบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจไทย ท่านก็เตรียมการล่วงหน้าที่จะแก้ไขปัญหาที่ท่านสามารถดำเนินการได้ในขอบข่ายอำนาจหน้าที่ของท่านในทันที
ขอฝากข้าราชการประจำทุกกระทรวงทุกกรมจงทำหน้าที่ของท่านให้เต็มที่ แม้จะยังไม่มีรัฐบาลใหม่ก็ตาม
ปัญหาของประชาชนและประเทศชาติในด้านต่างๆ จะเกิดขึ้นอยู่เสมอๆ ในทุกๆ สถานการณ์
ห้ามเกียร์ว่างเป็นอันขาด เพราะช่วงนี้ซึ่งเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ และหน้าสิ่วหน้าขวานอย่างยิ่งนั้น…ต้องการการทำหน้าที่ที่เข้มแข็ง และซื่อสัตย์สุจริตของข้าราชการประจำทุกคน
ในฐานะเสาหลัก อันสำคัญยิ่ง เสาหนึ่งของประเทศไทย.
“ซูม”