“ควรขจัด” ทัวร์ศูนย์เหรียญ ก่อน “ทัวร์จีน” จะมาไทย

เมื่อวานนี้ผมเขียนถึง “ตำนาน” ธุรกิจการท่องเที่ยวที่เป็นพระเอกตัวจริงเสียงจริงในการช่วยรักษาเยียวยาและฟื้นฟูเศรษฐกิจไทยมาร่วมๆ 40 ปีเข้านี่แล้ว

โดยเฉพาะเมื่อปี 2528 หลังการลอยตัวค่าเงินบาทจนทำให้ค่าเงินบาทลดลงอย่างมากในยุค “ป๋าเปรม” นั้น ก็ปรากฏหลักฐานชัดเจนว่าใน 24 มาตรการฟื้นฟูประเทศที่ป๋าเปรมมอบหมายให้สภาพัฒน์ดำเนินการมีมาตรการด้าน ส่งเสริมการท่องเที่ยว รวมอยู่ด้วย

นับเป็น 1 ในมาตรการหลักที่ผมใช้คำว่าเหมือน “ยาปฏิชีวนะ” สามารถใช้รักษาโรคเศรษฐกิจถดถอยของประเทศไทยได้อย่างชะงัด…และได้กลายเป็นตัวยาหลักในการรักษาเศรษฐกิจของเรามาโดยตลอด

ทำให้เป็นที่คาดหวังว่าในการฟื้นฟูเศรษฐกิจไทยจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยเพราะโควิด-19 และสถานการณ์อันไม่ปกติทั่วโลกครั้งนี้ “การท่องเที่ยว” น่าจะเป็นตัวยาหลักในการรักษาเช่นเดียวกับในอดีตที่ผ่านมา

สังเกตได้จากจำนวนนักท่องเที่ยวที่แห่แหนมาประเทศไทยจนเกิดภาพแออัดยัดทะนานรอคิว ตม.ยาวเหยียดที่สนามบินสุวรรณภูมิดังที่มีการแชร์ภาพและคลิปอย่างแพร่หลายเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

แต่ก็มีบทวิเคราะห์หลายๆบทที่แสดงความกังวลใจว่ายาปฏิชีวนะด้านท่องเที่ยวอาจจะไม่เกิดผลเต็มที่ หากรัฐบาลจีนจะยังไม่เลิกนโยบาย “ซีโร่โควิด” หรือการทำให้ภาวะการติดโควิดในประเทศจีนเป็นศูนย์โดยการใช้มาตรการเข้มข้นต่างๆ

นอกจากจะมีการปิดเมืองทั้งเมืองอย่างที่เราได้ยินข่าวแล้ว นโยบายเข้มข้นอีกประการหนึ่งของจีนก็คือการยังไม่เปิดประเทศให้นักท่องเที่ยวเข้าประเทศคบคู่ไปกับการยังไม่ให้คนของตนออกไปเที่ยวนอกประเทศ และคาดว่าจีนอาจใช้นโยบายเช่นนี้ไปจนถึงเดือนมีนาคมปี 2566 เป็นอย่างน้อย

ทำให้นักธุรกิจท่องเที่ยวในประเทศไทยรวมทั้งนักเศรษฐศาสตร์หลายๆท่านเป็นห่วงว่ารายได้จากการท่องเที่ยวจะไม่เข้าเป้า เพราะนักท่องเที่ยวจีนเป็นลูกค้าสำคัญของตลาดท่องเที่ยวทั้งในระดับโลกและในระดับประเทศไทย

ผมเองแม้จะเห็นด้วยว่าหากนักท่องเที่ยวจีนยังไม่มา…เป้าหมายใหญ่ที่เราตั้งไว้ในปีหน้าคงไม่ “ทะลุ” อย่างแน่นอน

แต่ขณะเดียวกันผมก็ไม่เคยลืมบทเรียนที่นักธุรกิจท่องเที่ยวจีนเคยนำมาใช้กับประเทศไทยในอดีต จนแทบจะกล่าวได้ว่าประโยชน์หรือผลตอบแทนที่ได้รับจากทัวร์จีนเกือบไม่เหลือ หรือตกมาถึงมือคนไทยเลย

เพราะบริษัททัวร์จีนเขาดำเนินธุรกิจเองแทบทั้งหมด แม้มาเมืองไทยแล้วก็นำลูกทัวร์ไปนอนโรงแรมของเขาเอง กินอาหารในร้านที่เขาเป็น เจ้าของ ขนาดพาไปทัวร์ตลาดน้ำก็ยังให้เข้าไปซื้อของในตลาดน้ำที่เป็นส่วนของเขาเท่านั้น

ผมเคยเรียนแล้วว่าผมเคารพและเชื่อมั่นในรัฐบาลจีนที่มีความซื่อสัตย์สุจริตและเป็นมิตรกับทุกประเทศโดยเฉพาะกับรัฐบาลไทยและคนไทยที่เขาคบค้าเสมือนญาติ

แต่ผมไม่เคยไว้วางใจนักธุรกิจจีนเลย เพราะได้เห็นการดำเนินงานของพวกเขาตลอดจนได้รับการร้องทุกข์ของผู้ที่เคยค้าขายด้วยมาหลายๆครั้ง

ผมจึงรู้สึกดีใจที่รัฐบาลจีนยังใช้นโยบาย “ซีโร่โควิด” ในขณะนี้ เพื่อให้เรามีเวลาตั้งตัวและเตรียมรับมือกับทัวร์ “ซีโร่ดอลลาร์” อย่างเต็มที่

หลายวันมานี้มีข่าวว่า ท่าน ผบ.ตร.ท่านใหม่ และท่านรองบิ๊กโจ๊กออกลุยจับนักธุรกิจจีนที่เข้ามากระทำสิ่งผิดกฎหมายหลายเรื่อง รวมทั้งเรื่องทัวร์ศูนย์เหรียญต่างๆ ด้วย

ผมถือว่านี่คือการ “จัดการ” ที่ถูกต้องและสมควรชื่นชมอย่างยิ่ง ขอให้เดินหน้าดำเนินการต่อไปนะครับ

ขณะเดียวกันก็ฝากให้หน่วยงานอื่นๆ หันมาดูแลและตั้งรับทัวร์ศูนย์เหรียญกันอย่างเต็มที่ อย่าให้เกิดเหตุการณ์ประเทศไทยได้กินแค่ “เศษอาหาร” เพราะอาหารดีๆอาหารอร่อยๆทัวร์ศูนย์เหรียญโกยกลับไปกินเองเสียหมดดังที่เคยเกิดขึ้น

อย่าเอามาแต่จำนวนทัวร์จีนครับ…เราต้องได้เงินเต็มเม็ดเต็มหน่วยเหมือนที่เราได้จากทัวร์ชาติอื่นๆด้วยนะครับ

ขอฝากรัฐบาลฝากกระทรวงการท่องเที่ยวฯ และหากไม่มีใครทำจริงจัง ก็ฝาก “บิ๊กโจ๊ก” ไว้ก็แล้วกัน.

“ซูม”

ข่าว, ทัวร์ศูนย์เหรียญ, ท่องเที่ยว, เศรษฐกิจ, ซูมซอกแซก