“ปีกุน” เป็นร้านอาหารไทยอีสานของเชฟ “แอนดี้ ยัง (Andy Yang)” เชฟไทยคนแรกที่ได้รับรางวัลมิชลินสตาร์ จากร้าน “โรงเตี๊ยม” ณ มหานครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา, ร้าน “Table 38” และเมนูสุดปัง “ผัดไทไฟทะลุ” ณ กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย ที่ได้รางวัล Michelin Bib Gourmand 3 ปีซ้อน
บังเอิญมีโอกาสได้พูดคุยกับ เชฟแอนดี้ ยัง เลยขอเกริ่นนำยาวนิดนึงนะคะ
หลังจากที่ร้าน “Table 38” (ร้านอาหารสไตล์ Chef’s table) ประสบความสำเร็จอย่างล้นหลามจนมีบุ๊คกิ้งจองยาวถึง 2 ปี เชฟแอนดี้ยังซึ่งมีความรักบ้านเกิดอย่างแรงกล้า ขนาดนำครัวไทยสู่ครัวโลกก็ทำมาแล้ว ถึงคราวที่อยากเสิร์ฟอาหารไทยอีสานที่มีคุณประโยชน์หลากหลาย โดยนำเทคนิคระดับ Fine dining มาผสมผสาน เพื่อให้ได้คุณภาพและรสชาติที่อร่อย และให้คนทั่วไปเข้าถึงได้ในราคาที่เอื้อมถึง จึงเกิดเป็นร้าน “ปีกุน (Pi Kun)” ขึ้น
ชื่อร้าน “ปีกุน” มีที่มาจากความตั้งใจที่จะใช้ “เนื้อหมู” มาเป็นวัตถุดิบหลักของร้าน โดยหยิบไอเดียของ Zero waste มาใช้ และเกิดสโลแกน “กินหัว กินหาง กินกลางตลอดตัว” โดยพยายามใช้ทุกส่วนของหมูในการรังสรรค์เมนูต่างๆ
ร้าน “ปีกุน” ตั้งอยู่ที่ชั้น G สยามดิสคัฟเวอรี่ ดิเอ็กซ์พลอราทอเรี่ยม โดยเดินที่ชั้น G ไปจนเกือบสุดทางแล้วมองทางซ้าย ร้านนี้ไม่มีป้ายชื่อร้านนะคะ ให้สังเกตผนังสีขาวที่มีซุ้มประตูโค้ง ตรงกลางระหว่างซุ้มประตูโค้ง 2 บาน ติดข้อความไว้ว่า “One can not think well, love well, sleep well, if one has not dined well” ซึ่งเชฟตั้งใจจะสื่อว่าการจะทำอะไรก็ตาม หากเราเริ่มจากการทานอาหารที่ดีมีประโยชน์ สุขภาพร่างกายก็จะแข็งแรง และนอนหลับสบาย
พอเห็นผนังสีขาวที่มีซุ้มประตูโค้ง ก็ให้เลี้ยวเข้าไปเลยค่ะ
เมื่อลอดซุ้มประตูโค้งไปจะพบแชนเดอเรียขนาดใหญ่ในห้องสีดำ ให้เลี้ยวขวาก็จะถึงร้าน “ปีกุน” ค่ะ (หากเลี้ยวซ้ายจะไปยังร้าน “Table 38)
พอเดินพ้นแชนเดอเรียไปก็เหมือนหลุดไปยังโลกย้อนยุคในธีมงานวัดสีสันสดใสฉูดฉาด ซึ่งได้แรงบันดาลใจจากความชอบงานรื่นเริงในวัยเด็กนำมาสู่ร้านสุดฮิปในสยามดิสคัฟเวอรี่ค่ะ
ภายในร้านจะมีความจุประมาณ 40-45 ที่นั่ง โดยแบ่งเป็นโต๊ะ มีขวดเครื่องดื่มชูกำลังเป็นแจกันปักดอกไม้ไว้บนโต๊ะ และข้าวของเครื่องใช้และอุปกรณ์ตกแต่งอื่นๆ ก็มีทั้งสไตล์ไทยแท้ และประยุกต์แบบเก๋ๆ ที่สะดุดตาคือ ร่มแห่นาค และรถเข็นขายของที่มาทำเป็นซุ้มดีเจ
ภายในร้านออกแบบให้มีมุมถ่ายรูปเก๋ๆ มากมาย อาทิ โรงลิเก ร้านโชห่วย ศาลม้าลาย รับรองถูกใจสายแชะแน่นอนค่ะ ในอนาคตจะเพิ่มกิจกรรมให้ร่วมสนุกเพลินๆ กันแบบฟรีๆ อาทิ ปาเป้า เสี่ยงเซียมซี และหมอดูแม่นๆ เอาใจสายมูอีกด้วย
มาเริ่มชิมกันเลยค่ะ
“ตำโก๋มหาแซ่บ” (139 บาท) ตำผลไม้รวม มีทั้งแอปเปิ้ลแดง ขนุน ลูกพลับ ส้มโอกุ้งแห้ง มะเขือเทศ ถั่วฝักยาว คลุกเคล้าน้ำส้มตำแสนแซ่บ โรยด้วยปาท่องโก๋กรอบ (รีดน้ำมัน) เสิร์ฟพร้อมผักเคียง แซ่บจนลืมแคบหมูไปเลยค่ะ
“ข้าวปีกุน” (189 บาท) ข้าวรมควันกะทิ หน้าหมูคุโรบุตะรมควันย่าง ทานคู่กับซอสแจ่ว เคียงด้วยไข่เป็ดไล่ทุ่งยางมะตูม เกรปฟรุตเบอร์รี่ ผักดอง โรยหน้าด้วยหอมเจียวกรอบ เสิร์ฟพร้อมต้มแซ่บกระดูกอ่อน
“ข้าวหมูมะแขว่น” (189 บาท) ข้าวรมควันกะทิ หน้าหมูทอดกรอบ ทานคู่กับซอสมะแขว่น รสเปรี้ยวซ่าแบบหมาล่าไทย เคียงด้วยไข่เป็ดไล่ทุ่งยางมะตูม เกรปฟรุตเบอร์รี่ ผักดอง โรยหน้าด้วยหอมเจียวกรอบ เสิร์ฟพร้อมต้มแซ่บกระดูกอ่อน ดิปมะแขว่นอร่อยสุดๆ
“ส้มตำปีกุน” (350 บาท) สามารถเลือกได้ทั้งตำไทยและตำปูนะคะ เราชิมส้มตำปูปลาร้ารสแซ่บ เสิร์ฟมาเป็นถาดยักษ์ เคียงด้วยคอหมูย่าง หมูกรอบ ไข่เป็ดไล่ทุ่งยางมะตูม ขนมจีน ผักเคียง ถูกใจหมูกรอบกร๊อบกรอบที่ต้มน้ำสมุนไพรก่อนทอด หนังกรอบเนื้อนุ่มมากค่ะ
“เฟรนช์ฟรายส์สามแซ่บ” (70 บาท) เฟรนช์ฟรายทอดกรอบ เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้ม 3 แบบ คือ ซอสมะเขือเทศ ซอสลาบมาโย และซอสสไปซี่น้ำผึ้ง.. ชอบรสลาบมาโยที่สุด และแนะนำให้ลองจิ้มดิปมะแขว่นดู อร่อยสุดๆ ไปเลยค่ะ
“ลาบไส้อ่อน” (110 บาท) ไส้อ่อนที่ใช้กรรมวิธีพิเศษจนได้เนื้อนุ่มละมุนไม่เหนียว ปรุงรสลาบจนได้ที่ เสิร์ฟพร้อมผักเคียง
“ต้มมหาแซ่บ” (150 บาท) ต้มแซ่บกระดูกอ่อนรสเข้มข้น เนื้อนุ่มรูดหลุดออกจากกระดูกอย่างง่ายดาย ทานกับเมนูข้าวเข้ากันมากๆ
“เล้งแซ่บแซ่บ” (135 บาท) กระดูกเล้งต้มเปื่อยรสกลมกล่อม ทั้งเผ็ดทั้งเปรี้ยว ซดน้ำซุปคล่องคอ อร่อยถูกใจ ยิ่งทานกับเมนูข้าวแล้วยิ่งทำให้อร่อยขึ้น
“ข้าวเหนียว” (30 บาท) ที่ร้านจะเสิร์ฟข้าวเหนียวแต่ละวันไม่เหมือนกัน อาทิ ข้าวเหนียวอัญชัน ข้าวเหนียวกระเจี๊ยบ และข้าวเหนียวใบเตย ซึ่งหอมนุ่มมากๆ ค่ะ
“ผัดไทยไฟทะลุหมูย่าง” (190 บาท) จานนี้ต้องไม่พลาด เพราะเป็นผัดไทยจานเด็ดในตำนานของเชฟแอนดี้ยัง เชฟใช้แป้งข้าวเจ้าหมักแบบ “อัลเดนเต้” ทำเป็นเส้นผัดไทยโฮมเมดเหนียวหนึบ ไม่แข็งและไม่นิ่มจนเกินไป หากซื้อกลับบ้านแล้วจะทานแบบเย็นๆ หรืออุ่นทานก็เส้นไม่ติดกันค่ะ ผัดไทยสไตล์โบราณจานนี้คลุกเคล้ากับถั่วลิสงป่น ถั่วงอก และเต้าหู้เหลืองจนได้ที่ หอมกลิ่นกะทะ ท็อปปิ้งด้วยหมูย่างซู-วี ที่นุ่มมากๆ บีบมะนาวชูรสนิดนึงยิ่งอร่อยเลิศ
หลังจากทานเสร็จก็ล้างปากด้วยเครื่องดื่มม็อกเทล ที่มีส่วนผสมเป็นผลไม้ สมุนไพร และโซดา 2 แบบ คือ “Tupi Ped Tupi” (120 บาท) น้ำรสพริกเกลือ ไม่น่าเชื่อว่ารสชาติกลมกล่อมมาก และ “Sweet Garden” (120 บาท) น้ำชามะนาวโซดา ชารสนุ่มผสานกับความเปรี้ยวของมะนาวที่กำลังดี ชุ่มคอจริงๆ ค่ะ
อีกอย่างที่สำคัญใครที่มาทานส้มตำที่นี่จะไม่หิวน้ำอย่างกระหาย หน้าไม่ชา เพราะเมนูทั้งหมดภายในร้านจะไม่ใส่ผงชูรส แต่จะใช้ภูมิปัญญาพื้นบ้านไทย โดยนำหนังควายเผ่าไทญ้อของอุดรธานีมาต้ม ตากแห้ง แดดเดียว แล้วฝนให้เป็นผง ซึ่งทำให้เกิดรสอูมามิชั้นเลิศ
โปรโมชั่นเปิดร้านใหม่ ตลอดเดือนกุมภาพันธ์รับฟรี “ตำโก๋มหาแซ่บ” เมื่อมาทานพร้อมกัน 4 ท่านขึ้นไป
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ www.facebook.com/pikunbangkok
a_U_m แคลอรี่ลั้นลา