ภาพบนสุดของหน้า 1 หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ฉบับเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา เป็นภาพของกลุ่มมวลชนที่ประกาศตนเป็นกลุ่มคณะราษฎร 2563 และมารวมตัวชุมนุมกันที่บริเวณสี่แยกราชประสงค์ในค่ำคืนวันพฤหัสบดี หลังจากถูกตำรวจกดดันให้สลายการชุมนุมที่ทำเนียบ รัฐบาลในช่วงเช้า และมีการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินในช่วงเช้าเช่นกัน
ในภาพจะเห็นผู้ชุมนุมที่ไทยรัฐบรรยายใต้ภาพว่า ส่วนใหญ่เป็นนักเรียน นิสิต นักศึกษา และคนรุ่นใหม่ แน่นเอี๊ยดเต็มพื้นที่ไปหมด
สำหรับผมเมื่อเห็นภาพนี้แล้ว สะท้อนใจอย่างยิ่ง จนถึงขั้นเกิดรู้สึกว่าท้อถอยกึ่งน้อยใจ (ในโชคชะตา) อยู่เป็นเวลาหลายวินาที เพราะ ไปอ่านข้อความในแผ่นป้ายสีเหลืองยาวเหยียด ซึ่งพาดผ่านสกายวอล์กข้ามแยกราชประสงค์ ที่ช่างภาพเขาถ่ายติดมาด้วยนั่นเอง
ข้อความในแผ่นป้ายสีเหลืองที่ยาวเท่ากับความกว้างของสี่แยกราชประสงค์พอดิบพอดีเขียนไว้ 3 ภาษา โดยในภาษาไทยอ่านได้ชัดเจนว่า “เราจะผ่านเวลาที่ยากลำบากไปด้วยกัน” ในส่วนของภาษาอังกฤษอ่านได้ว่า “Together We Are Stronger” ซึ่งมีความหมายว่า การร่วมมือกัน หรือรวมตัวเข้าด้วยกัน จะทำให้เราแข็งแกร่งมากขึ้น
สำหรับภาษาจีนมีทั้งหมด 6 ตัวอักษร ผมไม่มีเวลาพอที่จะโทรศัพท์ไปถามคุณ น.นพรัตน์ นักแปลกำลังภายในจีนชื่อดัง เพื่อนรุ่นน้องของผม จึงไม่ทราบว่ามีความหมายหรือแปลความว่าอะไร
แต่ก็เดาว่าคงจะมีความหมายในทำนองเดียวกัน
ป้ายนี้ติดแปะอยู่หลายวันแล้ว และไม่เกี่ยวข้องอะไรกับการชุมนุมของมวลชนกลุ่มนี้
แต่เป็นป้ายที่ชาวชุมชนราชประสงค์ อันได้แก่นักธุรกิจต่างๆ ในบริเวณนี้ ซึ่งมีทั้งโรงแรม ศูนย์การค้า ร้านอาหาร และแหล่งบันเทิง ฯลฯ…ขึ้นข้อความไว้สำหรับปลุกปลอบใจพวกเขาเอง
เพราะย่านราชประสงค์เป็นย่านที่ต้องพึ่งพานักท่องเที่ยว และในยามที่นักท่องเที่ยวต่างชาติไม่มี ก็หวังที่จะพึ่งพาคนไทยที่พอมีสตางค์ให้ไปเที่ยวไปจับจ่ายใช้สอยแถวๆ นั้น
พวกเขากำลังประสบปัญหาขาดแคลนนักท่องเที่ยว เนื่องจากเราต้องปิดประเทศ และทุกประเทศทั่วโลกต่างก็จำกัดการเดินทางไม่ให้ผู้คนของเขาออกไปเที่ยวที่ไหน อันเนื่องมาจากปัญหาโควิด-19
ทำให้พี่น้องราชประสงค์ ซึ่งพึ่งพานักท่องเที่ยวมาตลอด ต้องขึ้นป้ายให้กำลังใจตัวเองด้วยข้อความดังกล่าว
ที่ผมบอกว่าผมน้อยใจในโชคชะตาหรือในวาสนาขึ้นมาหน่อยหนึ่ง ก็ในประเด็นเรื่องฝ่าวิกฤติที่เห็นในแผ่นป้ายนี้แหละ
ทำไมหนอโชคชะตาของประเทศไทยถึงได้เจอแต่เรื่องร้ายๆ ที่แสนสาหัสซ้ำแล้วซ้ำเล่าก็ไม่รู้? ลำพังวิกฤติโควิด-19 ก็แย่อยู่แล้ว กลับมามีเรื่องการเมืองซ้ำเติมเข้ามาอีก
ขนาดออก พ.ร.ก.ฉุกเฉินแล้วยังมาชุมนุมกันเยอะแบบนี้ก็แปลว่าไม่มีใครกลัว พ.ร.ก.
ถ้ามากันทุกเย็น มาเย็นดึกกลับ พรุ่งนี้มาใหม่ก็จะเหมือนฮ่องกง ซึ่งทำให้ผู้คนกลัววิตกกังวลไม่มีคนอยากไปเที่ยว…ฮ่องกงที่เคยเป็นแหล่งท่องเที่ยวชั้นดีแห่งหนึ่งของโลกก็ทรุดฮวบลงไป
ผมดูสถานการณ์แล้ว มวลชนก็คงจะมาทุกวันละครับ สี่แยกนี้บ้าง สี่แยกโน้นบ้าง ยังนึกไม่ออกว่า “บิ๊กตู่” จะหยุดได้อย่างไร
วันหนึ่งไปราชประสงค์ อีกวันไปสี่แยกปทุมวัน โดนตำรวจสกัดกั้นกดดันให้สลายตัว ก็สลายไปก่อน แต่เชื่อว่าวันอื่นๆ ก็จะมาอีกเปลี่ยนที่ไปเรื่อยๆ
ถึงตำรวจจะใช้วิธีจากเบาไปหาหนัก แต่พอถึงตอนหนักก็จะโดนกล่าวหาว่ารุนแรง ทำเกินกว่าเหตุกับเด็กและเยาวชน
จับแกนนำคนเก่าไป เขาก็จะมีคนใหม่มาทำหน้าที่แทน เพราะม็อบสมัยใหม่ไม่จำเป็นต้องมีแกนนำ แค่มือถือเครื่องเดียว ก็จัดม็อบได้แล้ว
ครับ! ก็เป็นความทุกข์ใจหรือท้อใจที่เกิดขึ้นแก่ผมที่ได้เห็นภาพหน้า 1 ดังกล่าว และติดตามอ่านข่าวต่อมาในวันรุ่งขึ้น…ตามประสา คนที่พอมีความรู้เรื่องเศรษฐกิจอยู่บ้าง และอยากเห็นเศรษฐกิจไทยที่หนักหนาสาหัสขณะนี้ฟื้นกลับคืนมาโดยเร็ว
ต้องนั่งนิ่งยกมือไหว้พระนึกถึงคำสอนของพระพุทธองค์อยู่ครู่ใหญ่ อารมณ์และจิตใจจึงค่อยๆ ผ่อนคลายลง
อะไรจะเกิดก็ให้เกิด เพราะทุกอย่างย่อมเป็นไปตามกรรม ขอเพียงให้เราใช้สติและปัญญา ตลอดจนความหนักแน่นในยามที่กรรมมาถึง
ครับ! ก็สบายใจขึ้นเยอะ และพร้อมที่จะท่องคำปลอบใจที่ว่า Together We Are Stronger…เราจะผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบาก ยิ่งครั้งนี้ไปด้วยกัน.
“ซูม”