พอรู้ว่า Siam Serpentarium “พิพิธภัณฑ์งู” ได้เปิด “คาเฟ่งู” คุณแม่ก็รีบชวนออนเซนเปิดกูเกิ้ลไปหาพี่ “มีโชค” งูเหลือมตัวใหญ่ดาราของคาเฟ่งูแห่งนี้ทันที
พอไปถึงเราก็เจอพี่มีโชครอต้อนรับอยู่ด้านหน้าคาเฟ่เลยค่ะ พี่เค้าผิวค่อนข้างคล้ำ ตัวใหญ่มาก น้ำหนักถึง 8 กิโลกรัม แต่พี่ใจดีนะคะ ใครขอถ่ายรูปคู่พี่เค้าก็ไม่เกี่ยง แถมเล่นกล้องอีกด้วย สามารถให้ทิปพี่เค้าก็ได้ตามอัธยาศัย
หลังจากเล่นกับพี่มีโชคจนพอใจ เราก็เข้าไปในคาเฟ่งูกันค่ะ เริ่มที่เดินทัวร์รอบร้านกันก่อน มีน้องงูนั่งรอนอนรอบ้างก็เลื้อยรออยู่ในตู้เต็มไปหมด ใครชอบตัวไหนก็บอกเจ้าหน้าที่ให้เปิดตู้พาน้องนางออกมาเล่นได้เลยค่ะ
แต่คุณแม่ขอเบรกออนเซนไว้แต่เพียงเท่านี้ เพราะน้องโอโซนไม่ไหวค่ะ
เอาเป็นว่าเราเดินไปหาของอร่อยๆ ทานดีกว่า ครัวร้อนคิวค่อนข้างยาว จึงขอทานแต่เมนูขนมค่ะ ซึ่งแต่ละชิ้นตกแต่งด้วยธีมงูน่าทานมากๆ
ออนเซนสั่ง “Yogurt Pi-Po Jelly Mousse Pie” ด้านบนเป็นโยเกิร์ตมูส ท็อปปิ้งด้วยเยลลี่รูปงู ฐานพายเป็นโอรีโอ้ เวลาทานเหมือนขุดหาสมบัติเลยค่ะ ทานไปก็มองหาปีโป้ไป สนุกดีค่ะ
โอโซนสั่ง “Chocolate Pound Cake” เป็นช็อคโกแลตพาวนด์เค้กรสเข้ม ท็อปปิ้งด้วยคริสปี้หนังงูที่ทำจากช็อคโกแลตค่ะ
โชคดีที่ได้นั่งเก้าอี้บาร์ติดตู้งู ซึ่งเป็นมุมไฮไลท์ของคาเฟ่ ออนเซนโอโซนเลยได้ทานขนมไปชมงูไปแบบเพลินๆ
ส่วนเบเกอรี่อื่นๆ ก็จะมี Basque Burnt Cheesecake, Earl Grey Pound Cake, Flourless Chocolate Cake, Tom&Jerry Cheesecake, Snake Meringue
สำหรับเครื่องดื่มก็มีทั้งชากาแฟ ช็อคโกแลต นมคาราเมล นมชมพู นมเขียว พวกอิตาเลี่ยนโซดาก็มีค่ะ
ส่วนอาหารเห็นว่าอร่อยใช้ได้ คุณแม่เห็นคนสั่งกันเยอะ คิวยาวมากค่ะ เมนูเด็กๆ ก็มีหลากหลาย อาทิ นักเก็ต ไส้กรอกไก่รมควันทอด ปีกไก่นิวออลีน ทาโกยากิ สปาเก็ตตี้ และอาหารตามสั่งทั่วไป
คาเฟ่งูที่ว่านี้ เข้าฟรี!! มีอาหารเครื่องดื่มบริการ แถมได้ชมงูและจับงูอีกด้วยค่ะ ตัวอย่างงูในตู้โชว์ ได้แก่ งูแสงอาทิตย์ งูแซนบัว งูมิลค์ งูหมอก งูลายสอ งูแม็กซิกันแบล็คคิง
ใครไม่กลัวงู รีบจัดเลยนะคะ
ป.ล. คราวหน้าจะมารีวิวในส่วนของพิพิธภัณฑ์งูบ้างค่ะ
พิกัด : “Naka Cafe” ณ Siam Serpentarium
ค่าเข้า : เข้าฟรี!!
เวลาทำการ : เสาร์ อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ 10.00 – 18:00 น. (ครัวร้อนเปิดถึง 16:30 น.)
รายละเอียดเพิ่มเติมที่ : www.siamserpentarium.com