เห็นด้วยค่อยๆ “ปลดล็อก”

อย่าประมาท! ทั่วโลกยังแรงเป็นธรรมดาครับ เมื่อยอดผู้ติดเชื้อเริ่มน้อยลง เหลือแค่วันละ 2 หลัก ติดต่อกันหลายๆวัน เสียงเรียกร้องให้รัฐบาลผ่อนปรนมาตรการ “ล็อกดาวน์” ก็เริ่มดังขึ้น

ซึ่งก็เป็นการเรียกร้องที่ต้องรับฟัง เพราะการ “ล็อกดาวน์” ปิดโน่นปิดนี่ ห้ามโน่นห้ามนี่ ไม่เพียงแต่จะทำผู้คนรู้สึกอึดอัดที่จะต้องจำกัดการใช้ชีวิตอย่างที่ไม่เคยจำกัดมาก่อนเท่านั้น

แต่ยังหมายถึงการสูญเสียทางเศรษฐกิจอย่างใหญ่หลวง ยังหมายถึงการตกงานของผู้คน ขาดรายได้ ขาดเงินจับจ่ายใช้สอยอีกด้วย

ดังนั้น เมื่อการระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่เป็นต้นเหตุของการล็อกดาวน์ ปิดประเทศ ปิดเมือง ปิดห้าง ปิดร้านอาหาร ร้านตัดผม และอีกมากมายหลายๆ ปิด เริ่มคลี่คลายลงเช่นนี้ การหันมาเปิดเพื่อให้ กงล้อเศรษฐกิจเริ่มทำงานขึ้นบ้าง จึงเป็นเรื่องที่ควรดำเนินการ

คุณหมอทุกท่านล้วนตระหนักในประเด็นนี้ เพราะหมอเองก็รู้ว่า กองทัพต้องเดินด้วยท้อง และประเทศต้องเดินด้วยเศรษฐกิจ เหตุที่ท่านขอให้รัฐบาลหยุดกิจกรรมต่างๆ จำนวนมาก (ซึ่งส่งผลทางเศรษฐกิจอย่างแรงตามมา) ก็เพียงเพื่อจะหยุดการระบาดและการทำลายล้างของไวรัสวายร้ายตัวนี้เท่านั้น

ถ้าไม่ “บังคับ” ล็อกดาวน์ ก็ไม่มีวันจะหยุดไวรัสได้ ดังนั้น เมื่อบังคับมาถึงจุดหนึ่ง ทำให้สถานการณ์ดีขึ้น ท่านจึงหันหน้ามาปรึกษาหารือกันว่าจะค่อยๆ ปลดล็อกอย่างไร

เป็นที่มาของการประชุมหารือเพื่อหาแนวทางผ่อนปรนมาตรการล็อกดาวน์ระหว่างรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข อนุทิน ชาญวีรกูล กับทีมคณะที่ปรึกษาของท่าน และผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุข ตลอดจนคณะแพทยศาสตร์ของมหาวิทยาลัยต่างๆ

ได้ข้อสรุปเป็นเอกฉันท์ว่าควรจะทำอย่างค่อยเป็นค่อยไป จะไม่เดิน พร้อมกันหมดทั้ง 77 จังหวัด จะแบ่งตามพื้นที่ ตามข้อมูลของจังหวัด หรือกลุ่มจังหวัดที่มีความเสี่ยงมากน้อยไม่เหมือนกัน

ขณะเดียวกัน เมื่อเปิดแล้วบรรดาห้างสรรพสินค้าก็ดี หรือโรงงานต่างๆ ก็ดี หรือแม้แต่ร้านอาหารและร้านตัดผม ฯลฯ ก็จะต้องมีมาตรการป้องกันการระบาดที่เหมาะสมอยู่ด้วย โดยเฉพาะมาตรการลดความแออัดต่างๆ การเตรียมพร้อมแอลกอฮอล์ หรือยาฆ่าเชื้อต่างๆ

เรียกว่ายังต้องระมัดระวังกันพอสมควร ไม่ใช่เปลี่ยนอย่างพลิกหน้ามือเป็นหลังมือ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการระบาดระลอกใหม่แบบบางประเทศที่จะจัดการได้ยากลำบากกว่า และจะเกิดผลเสียหายมากกว่า

เท่าที่ฟังจากคุณหมอที่ทำหน้าที่ในการแถลงข่าวผลการประชุมชุดนี้ค่อนข้างจะมีรายละเอียดและมีขั้นตอนในการปฏิบัติพอสมควร ผมคงไม่สามารถจะนำมาลงได้ทั้งหมดในคอลัมน์นี้

บางเรื่องเป็นรายละเอียดในการปฏิบัติ ก็ขอให้ไปคุยกันต่อระหว่างฝ่ายกำกับควบคุมกับฝ่ายที่จะต้องปฏิบัติตามก็แล้วกัน โดยขอให้ยึดหลักพบกันครึ่งทางเอาไว้เสมอๆ

ที่สำคัญก็คือ ขอให้ทุกฝ่ายตระหนักว่าโรคระบาดโรคนี้ยังไม่หมดไปจากโลก เพราะเมื่อทอดสายตาไปทั่วโลก แม้จะดูดีขึ้นบ้าง แต่หลายๆ ชาติก็ยังตายเป็นใบไม้ร่วงอยู่นั่นเอง

ในการผ่อนคลายจะต้องคำนึงถึงการระมัดระวังและการป้องกันการระบาดที่จะมาจากต่างประเทศเอาไว้ให้มากที่สุด และถ้าเป็นไปได้ก็คงต้องเข้มเอาไว้ก่อนในช่วงแรกๆ

ครับ! ถ้าการปลดล็อกจะเป็นไปอย่างที่ท่านรองนายกฯ กับคณะแพทย์ท่านประชุมแล้วมีแนวทางข้างต้น ผมก็เห็นว่าเหมาะสม

แม้ผมจะเป็นคนหนึ่งที่เขียนอยู่เสมอๆ ว่า อย่าปล่อยให้ “การ์ดตก” เพราะอาจโดนคู่ต่อสู้ปล่อยหมัดเข้าใส่ปลายคางได้…แต่เมื่อเราเห็นว่านักมวยของเราได้เปรียบมาก จะลดการ์ดลงบ้างก็ไม่ว่ากันครับ

ขอเพียงอย่างเดียว อย่าประมาทและอย่าชะล่าใจเท่านั้นเอง ตราบใดที่เสียงระฆังยังไม่ดังแก๊งหมดยก…คู่ต่อสู้ก็ยังมีสิทธิ์ที่จะปล่อยหมัดหลงมาน็อกเราอยู่นะครับ แม้เราจะเหนือกว่าแค่ไหนก็ตาม

หมายเหตุ เมื่อวานนี้มีการพิมพ์ผิดที่สำคัญในคอลัมน์นี้ ขอแก้ด้วยนะครับ ที่บอกว่าแฮชแท็ก #รัฐบาลขอทาน ติดอันดับ ท็อปเทน ไทยแลนด์ นั้น ที่ถูกต้องคือ ท็อปเทรนด์ ไทยแลนด์ ครับ ผมแก้ไขแล้วบางกรอบ แต่ก็ขออนุญาตชี้แจงไว้เป็นส่วนรวมในวันนี้ด้วยครับ.

“ซูม”