เอกนิติ “คาใจ” สภาพัฒน์ ประเมิน GDP ปีนี้…ต่ำเตี้ย

พาดหัวคอลัมน์ผมวันนี้มาจากพาดหัวข่าวข่าวหนึ่งในกรอบแรกของหน้าเศรษฐกิจไทยรัฐ (หน้า 14) ฉบับประจำวันที่ 20 พฤศจิกายน หรือฉบับเมื่อวานนี้นั่นเองสาเหตุแห่งความ “คาใจ” หรือ “ข้องใจ” ของท่านรองนายกฯ และ รมว.คลัง ดร.เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ตามข่าวดังกล่าว

ก็มาจากรายงานภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาส 3 ปีนี้ที่คาดการณ์ออกไปถึงภาวะเศรษฐกิจทั้งปีของปีนี้ ทอดยาวไปจนถึงปีหน้าด้วยที่ท่านเลขาธิการสภาพัฒน์ท่านกล่าวว่า GDP ไทยปีนี้จะโตประมาณ 2 เปอร์เซ็นต์

และปีหน้าจะโต 1.7 เปอร์เซ็นต์ แย่กว่าปีนี้อีก ดังที่ผมก็ได้สรุปมาเขียนปลอบใจผู้อ่านไทยรัฐให้เตรียมตัวเอาไว้ เมื่อฉบับวันพุธที่ 19 พฤศจิกายน

ท่านรองนายกฯ และ รมว.คลัง ท่านมั่นใจว่าตัวเลข GDP ไทยน่าจะสูงกว่านี้ เพราะท่านเชื่อว่าไตรมาส 4 ของปีนี้จะสูงกว่า 0.6 เปอร์เซ็นต์ ที่สภาพัฒน์คาดไว้ จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล

โดยเฉพาะโครงการคนละครึ่งพลัสและอื่นๆ หากตัวเลขไตรมาส 4 สูงกว่า 0.6 เปอร์เซ็นต์ ก็จะทำให้ตัวเลข GDP รวมทั้งปีสูงกว่า 2 เปอร์เซ็นต์ และก็น่าจะทำให้ตัวเลขปีหน้า ซึ่งอาจจะต่ำกว่าปีนี้ แต่จะไม่ต่ำถึงแค่โต 1.7 เปอร์เซ็นต์ อย่างสภาพัฒน์คาดไว้

ข่าวเศรษฐกิจไทยรัฐรายงานด้วยว่า ทางกระทรวงการคลังจะรีบไปหารือกับสภาพัฒน์ เพื่อขอความชัดเจนในรายละเอียดที่สภาพัฒน์ให้ไตรมาส 4 แค่ 0.6 เปอร์เซ็นต์ เพราะในสายตาของกระทรวงการคลังน่าจะเกิน 1 เปอร์เซ็นต์ หรือไม่ก็ 0.8 เปอร์เซ็นต์ เป็นอย่างน้อย

ผมก็หวังว่าทั้ง 2 หน่วยงาน คือกระทรวงการคลังและสภาพัฒน์คงจะได้คุยและปรึกษาหารือกันด้วยไมตรีจิตมิตรภาพนะครับข่าวนี้ทำให้ผม (ตามประสา ส.ว. ที่เกิดยุค Silent Generation (พ.ศ.2468-2488) หรือรุ่นก่อน Baby Boomers 1 รุ่น) นึกถึงความหลังขึ้นมาได้หลายเรื่อง…

เรื่องแรกเลยก็คำว่า GDP หรือ Gross Domestic Product ที่แปลเป็นไทยๆ ว่า “ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ” นี่แหละครับ…เพราะเป็นคำที่ผมเคยเรียน เคยท่องจำตั้งแต่เรียนอยู่ที่คณะเศรษฐศาสตร์ ธรรมศาสตร์ (ท่าพระจันทร์)

และสอบผ่านมาได้ด้วยคะแนนเกินคาบเส้นนิดๆ หน่อยๆ เท่านั้นต่อมาพอผมมาอยู่ สภาพัฒน์ จึงทราบว่า สภาพัฒน์ มีกองใหญ่และเก่าแก่มาก ถือเป็นกองที่ก่อตั้งคู่มากับ สภาพัฒน์ ตั้งแต่ยังเป็น สภาเศรษฐกิจแห่งชาติ ในสมัย จอมพล ป.พิบูลสงคราม เป็นนายกรัฐมนตรี

ชื่อ กองบัญชีประชาชาติทำหน้าที่หลักในการรวบรวมเรียบเรียงสำรวจและจดบันทึกมูลค่า GDP ของประเทศไทยมาตั้งแต่ต้น

ผ่านยุคจอมพล ป. มาจนถึงยุค จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ที่ยกฐานะ สภาเศรษฐกิจ ที่มีบทบาทแค่ที่ปรึกษารัฐบาลขึ้นเป็น สภาพัฒนาเศรษฐกิจแห่งชาติ (ยังไม่มีคำว่า พัฒนา “สังคม” เพราะมุ่งพัฒนา เศรษฐกิจ อย่างเดียวในยุคแรกๆ)

เพื่อทำ แผนพัฒนาเศรษฐกิจแห่งชาติ ฉบับที่ 1 พ.ศ.2504-2509 (ระยะเวลา 6 ปี)ตัวเลขข้อมูลทางด้าน GDP ที่ใช้อ้างอิงในแผนพัฒนาฯฉบับที่ 1 ของประเทศไทย และตลอดมาจนถึงปัจจุบันนี้ เป็นผลงานของ กองบัญชีประชาชาติ ทั้งสิ้น

ดังนั้นถ้าจะถามผมว่าใครเป็น “เจ้าเก่า” ด้าน GDP…ผมก็คงต้องยกให้แก่ สภาพัฒน์ นี่แหละครับ…และก็หวังว่า ทางสภาพัฒน์คงจะมีเหตุมีผลสามารถชี้แจงให้กระทรวงการคลังเข้าใจได้อย่างแจ่มแจ้งในที่สุด

ว่าทำไมถึงได้ประเมินเศรษฐกิจปีนี้ต่ำเตี้ยกว่าของกระทรวงการคลังได้ข้อยุติได้ข้อตกลงอย่างไรอย่าลืมแถลงข่าวให้คนนอกที่สนใจเรื่อง GDP ซึ่งมีอยู่จำนวนมากในยุคนี้ ได้มีโอกาสรับรู้รับทราบบ้างนะครับ ก่อนที่จะตัดสินใจว่าควรจะเชื่อใครดี?

“ซูม”

ตัวเลข GDP ไทยและการประเมินจากสภาพัฒน์กับกระทรวงการคลัง