นอกจากข้อมูลด้านสาธารณสุขที่น่าสนใจภายใน “ศาลาไทย Expo 2025″ ที่นครโอซากา ประเทศญี่ปุ่นแล้ว ยังมี “ของดี” อีก 3 อย่างที่กลายเป็นกระแสพูดถึงอย่างมากในหมู่ชาวญี่ปุ่น และนักท่องเที่ยวต่างชาติที่แวะเวียนมาเยี่ยมชมศาลาไทยครั้งนี้
ของดีทั้ง 3 อย่างก็คือ “อาหารไทย”, “นวดไทย” และ “กางเกงช้าง”
ทั้งสามสิ่งนี้กลายเป็นจุดเด่นที่ดึงดูดให้ชาวญี่ปุ่นต่อแถวเข้าชมศาลาไทยกันอย่างล้นหลาม
สิ่งแรกคือ “อาหารไทย”
อาหารที่จำหน่ายภายใน ศาลาไทย Expo 2025 ครั้งนี้มาจากร้าน “Thai-Ya-Tai” (ไทย-ยา-ไต้ ซึ่งแปลว่า ร้านอาหารตามสั่ง) เป็นร้านอาหารไทยเก่าแก่ชื่อดังในย่านอุเมดะ เมืองโอซากา ประเทศญี่ปุ่น ร้านนี้ได้รับรีวิวในเชิงบวกมากมายจากทั้งคนท้องถิ่น นักท่องเที่ยว และสื่อต่าง ๆ ของญี่ปุ่น
ร้าน Thai-Ya-Tai ปกติจำหน่ายอาหารไทยหลากหลายเมนู อาทิ ข้าวผัดกะเพราไข่ดาว, ปูผัดผงกะหรี่, ต้มยำกุ้ง, ผัดไทย, แกงชนิดต่าง ๆ รวมถึงหมูกระทะ, ส้มตำ และเมนูยอดนิยมอีกมากมาย
ในงาน Expo 2025 นี้ ร้าน Thai-Ya-Tai จะมีการสับเปลี่ยนเมนูหมุนเวียนทุกสัปดาห์ไปจนถึงสิ้นสุดงานในเดือนตุลาคม
สำหรับเมนูที่ทีมงานซอกแซกได้ทดลองชิมในครั้งนี้ ได้แก่ ข้าวผัดกะเพรา, ต้มข่าไก่, ส้มตำไทย และไก่ย่างข้าวเหนียว
ทั้ง 4 เมนูมีรสชาติกลมกล่อม อร่อย แม้จะไม่จัดจ้านนัก แต่ก็ถูกปากชาวญี่ปุ่นเป็นอย่างยิ่ง จนสามารถจำหน่ายได้มากกว่าวันละ 1,000 กล่องเลยทีเดียว
สิ่งที่สองคือ “การนวดไทย”
เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ได้รับความนิยมอย่างมาก มีการจองคิวแน่นทุกวัน โดยจำกัดเพียงวันละ 150 คน (แบ่งเป็น 3 รอบต่อวัน) ซึ่งต้องจองล่วงหน้าผ่านระบบออนไลน์
ในอนาคตมีแนวโน้มว่าจะเพิ่มจำนวนรอบเพื่อรองรับความต้องการ เพราะมีผู้สนใจจำนวนมากที่มาแล้วไม่ได้รับบริการ
หมอนวดที่มาประจำศาลาไทยล้วนเป็นจิตอาสา ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเจ้าของร้านนวดจากทั่วประเทศญี่ปุ่น ที่ผลัดเปลี่ยนกันมาบริการ บางคนมีดีกรีถึงขั้นแชมป์โลกด้านการนวดก็มี
ล่าสุดมีรายการโทรทัศน์ของญี่ปุ่นมาทำข่าวเกี่ยวกับศาลาไทย ส่งผลให้เกิดกระแสปากต่อปากว่า “ถ้ามาเยือนศาลาไทย ต้องไม่พลาดการนวดไทย” ทำให้ชาวญี่ปุ่นจำนวนมากตั้งใจมาเพื่อลองประสบการณ์นวดด้วยตนเอง
สิ่งสุดท้ายที่ได้รับความนิยมไม่แพ้กันคือ “กางเกงช้าง”
นับตั้งแต่งาน Expo 2025 เปิดมาได้ราว ๆ เดือนครึ่ง ทีมงานศาลาไทยต้องสั่งสินค้ามาเติมหลายรอบ เพราะจำหน่ายหมดทุกครั้งที่นำมาวางขาย
ก็อย่างที่ทราบกันดีว่า “กางเกงช้าง” ใส่สบาย แถมลวดลายยังมีเอกลักษณ์ คนญี่ปุ่นที่ลองใส่แล้วก็มักจะติดใจ จนกลายเป็นไอเทมยอดฮิตที่ต้องซื้อกลับบ้าน
แม้แต่นักท่องเที่ยวที่เคยมาเที่ยวเมืองไทย ก็ยังกล่าวถึงและซื้อกลับไปเป็นของฝากอยู่เสมอ
นี่แหละครับคือ “ของดี” 3 สิ่งที่ผู้คนต่างพูดถึงในศาลาไทยของงาน Expo 2025 ครั้งนี้ หากเพื่อน ๆ มีโอกาส ก็อย่าลืมแวะมาเยี่ยมชมกันได้นะครับ
งานจะจัดต่อเนื่องไปจนถึงวันที่ 13 ตุลาคม 2568 อย่าพลาดโอกาสดี ๆ แบบนี้นะครับ!
ซูม จูเนียร์