ดังที่หัวหน้าทีมซอกแซกเคยเรียนไว้แล้วว่า คอลัมน์ซอกแซกของเราค่อนข้างโชคดีได้มีโอกาสไปเยี่ยมชมความยิ่งใหญ่อลังการของงาน “เอ็กซ์โป” ระดับโลกมาถึง 5 ครั้ง
ปรากฏว่ามาถึงครั้งปัจจุบันที่ญี่ปุ่นเป็นเจ้าภาพและจัดงานขึ้น ณ นครโอซากา…ทีมงานซอกแซกก็ได้รับเชิญอีกครั้งจากฝ่ายประชาสัมพันธ์ของศาลาไทย ทำให้มีโอกาสไปสัมผัสงานเอ็กซ์โปเป็นครั้งที่ 6 ติดต่อกัน
มาติดตามรายละเอียดกันเลยครับว่า “ศาลาไทย” ในงานเอ็กซ์โป 2025 ในสายตาของทีมงานซอกแซกจะเป็นอย่างไรบ้าง
งาน Expo 2025 Osaka จัดขึ้นภายใต้แนวความคิด “Designing Future Society for Our Lives” มีประเทศที่เข้าร่วมงาน 158 ประเทศ จัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 13 เมษายน ถึง 13 ตุลาคม 2568 ที่ “เกาะยูเมะชิมะ” ที่ถูกสร้างขึ้นจากการถม “ขยะ” จนกลายเป็นเกาะเล็กๆ เกาะนึง
โดยจะเปิดให้เข้าชมทุกวันตั้งแต่เวลา 09.00 ถึง 22.00 น. สามารถเดินทางโดยรถไฟใต้ดินสาย Chuo Line ของ Osaka Metro ซึ่งมีการขยายเส้นทางจากสถานี Cosmosquare ไปยังสถานี Yumea hima เดินออกจากสถานีก็ถึงหน้างานเลย
“ภูมิพิมาน” คือ ชื่อของศาลาไทยในงานเอ็กซ์โป 2025 โดยมีแนวความคิดตามโจทย์ของทางกระทรวงสาธารณสุขที่ว่าเมืองไทยคือ “ดินแดนแห่งภูมิคุ้มกัน” หรือ “Thai Wellness” ที่นำเสนอการผสมผสานภูมิปัญญาท้องถิ่นกับเทคโนโลยีใหม่ๆ ของโลก
ถ้าเดินเลาะใต้ “Grand Ring” หรือโครงสร้างไม้รูปวงกลมสัญลักษณ์ของงานในครั้งนี้ก็ไปที่เสาหมายเลข 33 ครับ ก็จะเจอศาลาไทยหลังคาสีทอง ที่ถูกสร้างเพียงครึ่งเดียว เนื่องจากข้อจำกัดของพื้นที่ แต่ใช้กระจกสะท้อน ตามหลักการของความสมมาตร ให้ออกมาเป็นหลังคาที่สะท้อนความเป็นไทยร่วมสมัย รูปทรง “จอมแห” ที่สมบูรณ์ และเป็นที่ดึงดูดความสนใจของผู้ที่พบเห็นเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะมองมาจากไหน
ด้านหน้าจะเป็นลานไว้สำหรับเข้าคิวรอชมนิทรรศการภายใน ใช้ระยะเวลาการรอประมาณ 20 นาทีสำหรับชาวต่างชาติ และจะมีช่องพิเศษสำหรับคนไทย เพียงแสดงพาสปอร์ตหรือบัตรประชาชน
และตรงบริเวณนี้ก็มีเวทีการแสดงไว้คอยสร้างสีสัน จะเริ่มแสดงในเวลา 15.00 น. จนถึง 19.00 น. โดยเฉพาะมวยไทยที่สามารถเรียกผู้ชมที่เดินผ่านไปผ่านมาให้หยุดชมได้จนคนเต็มลาน
ในส่วนของนิทรรศการก็จะเริ่มจาก 1 ถึง ล้านตั้งแต่ “1 หมุดหมายสุขภาพโลก” เป็นการปักหมุดให้ทั่วโลกได้รู้จักดินแดนแห่งความกินดีอยู่ดีสไตล์ไทยๆ ด้วยความโดดเด่นสะดุดตาของสถาปัตยกรรมไทย และ “เฉลว” หรือไม้จักสานที่ปักบนหม้อยา อันเป็นสัญลักษณ์ของการแพทย์แผนไทยตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
พอเข้าสู่ตัวอาคารก็จะมีโถงที่จุผู้ชมได้ 120 คน มีเจ้าหน้าที่มาสอนทักทายด้วยการไหว้ และคำว่า “สวัสดี” ก่อนที่จะนำเข้าสู่ห้องถัดไปที่แนะนำประเทศไทยด้วยเพลงสนุกๆ แสดงถึงการมีความสุขของคนไทย
ในส่วนถัดไปจะเป็นห้องนิทรรศการ “100 ศักยภาพสาธารณสุขไทย” ห้องนี้จะจัดแสดงของดีทางการแพทย์ของไทยไม่ว่าจะเป็นนวัตกรรม ผลิตภัณฑ์ต่างๆ จากสมุนไพร และเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่คิดค้นโดยคนไทย มีหลายชิ้นไปชนะการประกวดในระดับโลกมาแล้ว ซึ่งสามารถใช้มือถือสแกนเพื่ออ่านรายละเอียดจาก QR Code ได้
ส่วนที่เป็นไฮไลต์ที่สุดของ “ศาลาไทย” ก็คือการสร้างประสบการณ์ในกิจกรรมต่างๆ มากมายตลอดระยะเวลาการจัดงาน กิจกรรมที่คนญี่ปุ่นชอบมากที่สุดก็คือ “อาหารไทย” และ “การนวดไทย”
สำหรับร้านอาหารไทยที่ได้รับการคัดเลือกเข้ามาขายใน “ศาลาไทย” ก็คือร้าน “ไทย-ยา-ไต้” เป็นภาษาญี่ปุ่นแปลว่า “ร้านอาหารตามสั่ง” ร้านอาหารไทยที่ขายดีมีชื่อเสียงในโอซากา ได้รีวิวจากสื่อญี่ปุ่นมากมายหลายแขนง ซึ่งเมนูอาหารจะถูกเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ในแต่ละสัปดาห์
ส่วนการนวดไทยก็ได้อาสาสมัครที่เป็นเจ้าของร้านนวดมาจากทั่วประเทศญี่ปุ่น บางคนมีดีกรีระดับแชมป์โลก โดยทางห้องนวดไทยจะเปิดรับวันละ 3 รอบ รอบละ 50 คน ซึ่งตอนนี้คนจองคิวเต็มตลอด เพราะคนญี่ปุ่นชอบนวดอยู่แล้ว
และเป็นธรรมเนียมปฏิบัติ…ก่อนที่จะออกจาก “ศาลาไทย” ก็จะถึงส่วนของ “100,000 ผลิตภัณฑ์สร้างภูมิคุ้มกัน” ซึ่งก็คือพื้นที่จำหน่ายผลิตภัณฑ์ต่างๆ จากประเทศไทยไม่ว่าจะเป็นอาหาร เครื่องดื่ม ของที่ระลึก เครื่องแต่งกาย ผลิตภัณฑ์จากสมุนไพร รวมถึงโปรแกรมการท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพ และอีกมากมาย
หนึ่งในของที่ขายดีที่สุดในร้านก็คือ “กางเกงช้าง” เพราะขนมาเท่าไหร่ก็หมดเกลี้ยง
ซึ่งจากตัวเลข ณ ปัจจุบัน นับตั้งแต่วันที่เปิดงานเอ็กซ์โป 2025 จนถึงวันนี้ก็ประมาณหนึ่งเดือน “ศาลาไทย” มีผู้เข้าชมแล้วถึง 280,000 คน เฉลี่ยวันละ 9,000 กว่าคน น้องๆ ประเทศ “สหรัฐอเมริกา” ที่คนต้องมาแต่เช้าแล้ววิ่งแข่งกันเพื่อมาต่อคิว ที่เฉลี่ยวันละ 10,000 กว่าคน นิดเดียว เพราะฉะนั้นเหลือเวลาอีกห้าเดือนกับ 1,000,000 รอยยิ้มจากผู้มาเยือนศาลาไทยก็คงไม่เกินจริง
ครับ! จากตัวเลขนี้ต้องมาลุ้นกันว่าท้ายที่สุดแล้ว “ศาลาไทย” จะติดอันดับ “ท็อปเทน” เป็นครั้งที่ 4 ติดต่อกันหรือไม่?
“ซูม จูเนียร์”