ผมเคยเขียนถึงประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) คนใหม่ คุณคงกระพัน อินทรแจ้ง ไว้บ้างแล้วเมื่อก่อนที่ท่านจะเข้ารับตำแหน่งต่อจาก คุณอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคมที่ผ่านมา
แต่ก็เป็นการเขียนถึงในลักษณะความรู้รอบตัว หรือเกร็ดข่าวประกอบข่าวใหญ่ในฐานะที่ท่านเป็นลูกชายของนักร้องโด่งดังที่สุดของประเทศไทยขวัญใจตลอดกาลของผมคนหนึ่ง ธานินทร์ (อินทรแจ้ง) อินทรเทพ เจ้าของเพลงแผ่นเสียงทองคำพระราชทาน “นกขมิ้น” ที่ยังอยู่ในความทรงจำของคนรุ่น Silent Generation (เกิดในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2) มาจนถึงบัดนี้
เล่าถึงที่มาของชื่อ “คงกระพัน” ที่ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช เป็นผู้ตั้งให้ เมื่อคุณพ่อธานินทร์ไปขอให้ท่านช่วยตั้งเมื่อ 50 กว่าปีก่อนโน้น
โดยส่วนตัวผมไม่แน่ใจว่าผมเคยพูดคุยกับคุณคงกระพันหรือไม่? แม้จะมีโอกาสได้พูดคุยได้สัมภาษณ์ผู้บริหารระดับสูงของ ปตท.มาแล้วเป็นส่วนมาก แต่ช่วงหลังๆ จะด้วยเป็นเพราะผมอายุมากขึ้น ไปไหนมาไหนไม่สะดวก ทำให้โอกาสที่จะไปร่วมงานต่างๆ ของ ปตท.น้อยลง
อย่างไรก็ตาม จากการติดตามอ่านประวัติของท่านอย่างใกล้ชิด ทั้งการเรียนและการทำงาน ทำให้ผมเกิดความรู้สึกเชื่อมั่นในตัวท่านเหมือนที่เคยเชื่อมั่นในตัวของผู้บริหาร ปตท.ท่านอื่นๆ ในอดีตที่ผ่านมา
ที่สำคัญผมเชื่อมั่นในระบบการเลือกตัวตายตัวแทนผู้บริหารระดับสูงของ ปตท. ที่มีกฎมีเกณฑ์ มีกติกาที่เข้มข้น…โดยเฉพาะการเก็บคะแนนสะสมเอาไว้และให้คะแนนล่วงหน้ามาเป็นเวลาพอสมควร
ส่งผลให้ผู้ที่จะขึ้นมาดำรงตำแหน่งหมายเลข 1 คนใหม่ของ ปตท.มีคุณภาพคับแก้วมาโดยตลอด และผมก็หวังว่า คุณคงกระพัน อินทรแจ้ง ซึ่งผ่านการคัดกรองจากตะแกรงเหล็กเดียวกันน่าจะเป็นบุคคลที่ทรงคุณภาพเช่นเดียวกับเบอร์ 1 ของ ปตท.ในอดีตกาล
เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา หนังสือพิมพ์หลายฉบับและสื่อออนไลน์เกือบทุกสำนัก เพิ่งจะนำ “วิสัยทัศน์” ของท่านในฐานะประธานเจ้าหน้าที่บริหารคนใหม่ของ ปตท.มาลงพร้อมๆ กัน…สั้นๆ บ้าง ยาวๆ บ้าง
ท่านมีจุดยืนที่ชัดเจนว่า “ปตท.จะต้องแข็งแกร่งร่วมกับสังคมไทยและเติบโตในระดับโลกอย่างยั่งยืน…ควบคู่กันไปกับประเทศไทย Together For Sustainable Thailand, Sustainable World”
พร้อมกับอธิบายรายละเอียดเพิ่มเติมว่า…“ปตท.ในฐานะบริษัทพลังงานแห่งชาติที่จะต้องสร้างประโยชน์ให้กับประเทศไทย และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกแง่มุมอย่างสมดุล…จะต้องบริหารองค์กรด้วยความโปร่งใส มีการกำกับดูแลที่ดี มีธรรมาภิบาล ท่ามกลางวิกฤติโลก ทั้งสงครามการค้าภูมิรัฐศาสตร์และเศรษฐกิจโลกถดถอย”
ดร.คงกระพันย้ำคำว่า “ยั่งยืน” หลายต่อหลายครั้ง…เติบโตอย่างยั่งยืน…พัฒนาอย่างยั่งยืน…สร้างความเจริญเติบโตควบคู่ไปกับการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างสมดุล เพื่อบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions) ภายในปี 2593
ในด้านการลงทุนในหลายๆ ธุรกิจของ ปตท. อาจมีการทบทวน อาจมีการยุบมีการเลิกในส่วนที่อาจต้องยุบต้องเลิก ขณะเดียวกันก็พร้อมจะขยายในส่วนที่ควรขยาย
ท่านมองด้วยว่า สถานการณ์เศรษฐกิจไทยและโลกยังไม่ฟื้นเต็มที่ แต่ ปตท.ในฐานะบริษัทชั้นนำของประเทศไทย ก็พร้อมจะให้ความร่วมมือกับรัฐบาลในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยไปสู่เป้าหมายจีดีพีเพิ่ม 3 เปอร์เซ็นต์ในปีนี้…ผ่านการสร้างรายได้ที่เหมาะสมและส่งผลกำไรเป็นรายได้ของรัฐ เพื่อการพัฒนาประเทศชาติต่อไป
ผมอ่านรายละเอียดคำแถลงของท่านหลายจบ ยอมรับว่าไม่ง่ายที่จะสรุปย่อมาได้อย่างครบถ้วน เอาเป็นว่า…จากวิสัยทัศน์ที่อ่าน (ส่วนใหญ่ในมติชน+ไทยรัฐออนไลน์) ผมว่าโอเคครับ และขอเอาใจช่วยให้บรรลุวัตถุประสงค์และเป้าหมายที่ตั้งไว้
คำว่า คงกระพัน ในพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน ระบุว่ามีความหมายเหมือน คงกระพันชาตรี แปลว่า “ทนทานต่อศัสตราวุธ” …สั้นๆ แค่นี้เอง
ขอให้ทนทานต่อ “ศัสตราวุธ” ทั้งการเมืองการเศรษฐกิจและสารพันปัญหาทั้งนอกและในประเทศที่เกิดขึ้น ณ ปัจจุบันนี้…นำ ปตท. สู่ชัยชนะ อันจะเกิดผลดีสร้างรายได้ให้แก่รัฐบาลไทยและประเทศไทย สมดังเจตนารมณ์และวิสัยทัศน์ทุกประการที่แถลงไว้นะครับ.
“ซูม”