เมื่อวานนี้ผมเขียนถึงบรรยากาศยุคเก่าๆ ช่วงมีการแข่งขันกีฬาใหญ่ๆ ที่ทีมไทยหรือนักกีฬาไทยลงสนามหรือขึ้นเวทีแข่งขัน ซึ่งมีการถ่ายทอดสดไปทั่วประเทศ
คนไทยเกือบทุกครัวเรือนจะไปนั่งอออยู่หน้าจอทีวี ทั้งส่งเสียงเชียร์ลั่นห้องรับแขก และส่งใจจากห้องรับแขกไปมอบให้แก่นักเตะหรือนักชกของเราที่กำลังทำหน้าที่นั้นๆ
ถ้าเป็นช่วงเวลาเย็นๆ หรือหัวค่ำ ท้องถนนก็จะ “ว่างโล่ง” เพราะผู้คนจะรีบกลับบ้านเพื่อไปนั่งเชียร์นักกีฬาไทยแบบบ้านใครบ้านเขา
ถือเป็นการรวมใจเป็นหนึ่งเดียวกันไปสู่จอทีวี…เป็นภาพและความรู้สึกที่เปี่ยมล้นไปด้วยความสามัคคีของคนไทยทั้งชาติโดยแท้จริง
ผมซึ่งอยากเห็นภาพเช่นนี้เกิดขึ้นอีก จึงเขียนชักชวนพี่น้องชาวไทยให้ร่วมแรงร่วมใจส่งเสียงเชียร์ไปถึงนักเตะฟุตบอลทีมชาติไทยหรือทีมช้างศึก ที่จะลงเตะฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกกับทีมเกาหลีใต้ ณ สนามที่กรุงโซล และถ่ายทอดสดผ่าน ไทยรัฐทีวี ช่อง 32 กลับประเทศไทย
เขียนโดยไม่ทราบมาก่อนเลยว่า หลานๆ ผู้บริหารเลือดใหม่ของไทยรัฐ กรุ๊ป ที่ดูแลทางด้านทีวีอยู่นั้น ได้จัดโครงการภายใต้แคมเปญ “เชียร์ไทยให้กึกก้อง” โดยร่วมกับสปอนเซอร์ใหญ่ใจดี ทำสัญญากับสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯเพื่อรับหน้าที่ในการถ่ายทอดสดการเตะของ “ทีมชาติไทยชุดใหญ่” และชุด “U-23” ทุกนัด ที่มีการลงสนามแข่งขัน…2 ปีเต็ม ระหว่าง พ.ศ.2567-2568
จนกระทั่งเช้าวันรุ่งขึ้นได้อ่านข่าวหลานๆ เปิดแถลงขอบคุณสมาคมฯ และสปอนเซอร์ พร้อมกับเชิญชวนให้ติดตามดูการแข่งขันนัดแรกภายใต้แคมเปญนี้ระหว่างทีม ช้างศึกไทย กับทีมชาติเกาหลีใต้ ในศึกฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก ณ กรุงโซล ซึ่ง ไทยรัฐทีวี จะถ่ายทอดสดมาออก ช่อง 32 ตลอดจนสื่อออนไลน์ทุกแขนงของไทยรัฐ กรุ๊ป ผมจึงได้ทราบเรื่อง…และขออนุญาตผู้อ่านเขียนถึงอีกครั้งหนึ่ง
ต้องขอขอบคุณ “คุณจูเนียร์” วัชร วัชรพล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารธุรกิจร่วมไทยรัฐทีวีและไทยรัฐออนไลน์ ที่ตัดสินใจขันอาสาเข้ารับหน้าที่ในการถ่ายทอดสด ซึ่งเปรียบเสมือนการเสนอตัวเป็น “ศูนย์รวมใจหน้าจอ” ให้พี่น้องประชาชนชาวไทยที่ชื่นชมฟุตบอลไทย ได้มีโอกาสรวมใจเป็นหนึ่งเพื่อเชียร์ทีมกีฬาที่พวกเรารักกันอีกครั้ง
เหมือนดังที่เคยเกิดขึ้นในอดีตตามที่ผมยกตัวอย่างไว้เมื่อวานนี้
ผมเอ่ยถึง “เจ้าตุ๊ก” ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน เอาไว้ด้วย ในฐานะดาวซัลโวทีมชาติไทย ที่ครองหัวใจคนไทยทั้งชาติได้อย่างอยู่หมัด…ก็ปรากฏว่า “เจ้าตุ๊ก” ซึ่งบัดนี้เติบใหญ่มิใช่นักเรียนจ่าอากาศที่มาลงเตะให้ทีมทหารอากาศและทีมชาติไทยอีกแล้ว
แต่มียศสูงถึง “นาวาอากาศเอก” และเป็นกรรมการกลางของสภากรรมการ สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ที่ “มาดามแป้ง” ส่งมาเป็นตัวแทนของสมาคมฯ
เจ้าตุ๊กกล่าวตอนหนึ่งว่า “ไทยรัฐเป็นสื่อที่อยู่กับคนไทยมายาวนานและเมื่อมาทำทีวีก็ถ่ายทอดสดฟุตบอลไทยมาตลอด ในนามของตัวแทนสมาคมฟุตบอลผมหวังว่า สมาคมฯจะได้ร่วมกับไทยรัฐในการเผยแพร่ฟุตบอลไทยตลอดจนการพัฒนาฟุตบอลไทยไปด้วยกัน”
ก็ต้องขอบคุณ น.อ.ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน ไว้ ณ ที่นี้อีกครั้ง
นอกจากขอบคุณเจ้าตุ๊กแล้ว ผมก็ถือโอกาสนี้ขอบคุณสปอนเซอร์ใจดี “เครื่องปรับอากาศแคเรียร์”, “ผลิตภัณฑ์เคลียร์ เมน”, “รถจักรยาน ยนต์ยามาฮ่า” และ “มาม่าโจ๊กคัพ” ที่จะร่วมถ่ายทอดสดไปกับ ไทยรัฐทีวี ในทุกนัดที่ทีมฟุตบอลชาติไทยชุดใหญ่และยู-23 ลงเตะ ตลอด พ.ศ.2567 ที่เหลือ และตลอด พ.ศ.2568 ทั้งปี ตามที่ได้แถลงข่าวไว้
ผมเขียนต้นฉบับวันนี้ล่วงหน้าเช่นเคย ฟุตบอลคู่ “ช้างศึก-พลังโสม” ยังไม่ลงเตะ…จึงไม่สามารถคาดเดาได้ว่า ผลลัพธ์เป็นอย่างไร?
แต่ไม่ว่าผลครั้งนี้จะเป็นอย่างไร…ก็ขอให้ติดตามช้างศึกทั้งชุดใหญ่ชุดเล็กต่อไปอย่างไม่ท้อถอยด้วยเถิด…เพื่อให้เกิดปรากฏการณ์ที่ผมเรียกว่า “รวมใจหน้าจอ” หรือที่แคมเปญของ ไทยรัฐทีวี เรียกว่า “เชียร์ไทยให้กึกก้อง” ไปตลอด 2 ปีข้างหน้านี้
สรุป…อย่าลืมชมการถ่ายทอดสดทั้งจากจอไทยรัฐทีวีและจาก www.Thairath.co.th./tv/Live ทุกๆ ครั้ง ที่ช้างศึกลงแข่งขันนะครับ.
“ซูม”