เมื่อต้นๆ เดือนธันวาคมที่ผ่านมา อ่านข่าวสารจากสื่อออนไลน์หลายสำนักว่าร้านอาหารดังระดับโลกจากสหรัฐอเมริกาอีกร้านหนึ่งมาเปิดสาขาในเมืองไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ราชประสงค์ นี่เอง
ร้าน The Cheesecake Factory นั่นแหละครับ ท่านผู้อ่านที่ชอบรับประทานของใหม่ที่โด่งดังจากต่างแดน หรือท่านที่อาจไม่ชอบรับประทานเท่าไรนัก แต่สนใจในเรื่องของการตลาด ของการมาลงทุนค้าขายในบ้านเราโดยสินค้าแบรนด์ดังต่างประเทศ คงจะทราบข่าวกันแล้ว
หลายๆ สื่อออนไลน์ที่มีชื่อเสียง นอกจากเสนอข่าวแล้วยังไป “รีวิว” ถ่ายภาพอาหารสวยๆ มาฝากคนอ่าน เห็นแล้วน้ำลายสอไปตามๆ กัน
สำหรับหัวหน้าทีมซอกแซกมีความหลังอยู่กับร้านนี้พอสมควร เพราะเมื่อประมาณ 20 ปีก่อน ประมาณ ค.ศ.2000 ต้นๆ เคยไปเยี่ยมลูกชายที่สมัยนั้นทำงานอยู่ที่ CNN แอตแลนตา และพอดีร้านนี้เพิ่งขยายสาขาไปถึงแอตแลนตา เปิดร้านใหม่เอี่ยมอ่องประกอบกับวันที่ไปรับประทานก็ตรงกับวัน “วาเลนไทน์” พอดิบพอดี…พ่อเจ้าประคุณเอ๋ย ผู้คนเข้าไปรอแน่นหน้าร้าน ไม่รู้กี่ร้อยคน ทำให้เราต้องรอคิวถึงเกือบ 2 ชั่วโมงกว่าจะได้โต๊ะ
ทั้งยืนทั้งนั่งกับพื้นสลับกันไปมา รอว่าเมื่อไรกริ่งในมือเราจะดังเสียที…ถือเป็นการรอคิวอาหารที่นานที่สุดในชีวิตก็ว่าได้
จึงกลายเป็น 1 ในความทรงจำมาจนถึงวันนี้ และเมื่อร้านนี้ขยายสาขามาถึงเมืองไทย จึงต้องขออนุญาตเขียนระลึกความหลัง และถือโอกาสต้อนรับร้านดังร้านนี้ไปด้วย
สาเหตุที่เราเลือกไปรับประทาน The Cheesecake Factory เมื่อครั้งกระโน้น เป็นเพราะเพื่อนๆ ของลูกที่ทำอยู่ด้วยกันอยู่ที่ CNN ให้คำแนะนำมา
บอกว่าเป็นร้านที่กำลังดังมากและฮิตมากในสหรัฐอเมริกา เพิ่งจะมาเปิดที่นี่ไม่ถึงเดือนเอง พวกยูต้องไปลิ้มรสให้จงได้
ร้านอาหารดังหรือร้านกาแฟดังๆ ตลอดจนร้านไอศกรีมดังของสหรัฐอเมริกามักมีเรื่องเล่าหรือตำนานมาสร้างมูลค่าเพิ่มให้สินค้าดูดีขึ้นอร่อยขึ้นอยู่เสมอๆ และ The Cheesecake Factory ก็มี “ตำนาน” หรือเรื่องเล่าที่น่าตื่นตาตื่นใจเช่นกัน
มีการบันทึกไว้ว่าต้นตำรับของสูตร “ชีสเค้ก” ชุดแรกๆ ของร้านเกิดขึ้นจากฝีมือทำเองกินเอง พอเพื่อนๆ บอกอร่อยก็ไปฝากขายตามร้านของแม่บ้านรายหนึ่งที่ชื่อว่า เอฟลีน โอเวอร์ตัน แห่งเมือง ดีทรอยต์ รัฐ มิชิแกน เมื่อราวๆ ค.ศ.1950 หรือ พ.ศ.2493-2494 ประมาณ 73-74 ปีมาแล้ว
สำหรับสูตรที่คุณย่าเอฟลีนใช้ในการปรุงชีสเค้กของเธอนั้นไม่ใช่เพราะเธอรํ่าเรียนมาจากไหนหรอก…เธอให้สัมภาษณ์ว่าแท้ที่จริงเอามาจากสูตรที่ลงตีพิมพ์แนะนำการทำชีสเค้กของหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นฉบับหนึ่งนั่นเอง
เมื่อทำไปเรื่อยๆ พอขายได้เพราะมีคนชมว่าอร่อยเธอก็นำไปฝากขายตามร้านกาแฟต่างๆ ถือเป็นรายได้เสริมของครอบครัว อบจากเตาในอพาร์ตเมนต์ชั้นใต้ดินที่เธออยู่อาศัยเรื่อยมาจนถึง ค.ศ.1968 หรือ พ.ศ.2511
ก็ปรากฏว่าในปีดังกล่าวนาย เดวิด เอ็ม โอเวอร์ตัน ลูกชายคนโตของเธอที่ไปเรียนกฎหมายที่ซานฟรานซิสโก แต่ต่อมาก็เลิกเรียนหันไปเป็นนักตีกลองของวงดนตรีวงหนึ่ง กลับมาเยี่ยมบ้านพร้อมกับชวนพ่อแม่ให้ย้ายไปอยู่รัฐแคลิฟอร์เนียดีกว่า เพราะมีช่องทางทำมาหากินเยอะกว่าดีทรอยต์
จากนั้นในปี 1972 หรือ 2515 ทั้งครอบครัวก็ย้ายมาอยู่ที่ แอลเอ และเปิดโรงงานทำชีสเค้กและตั้งชื่อว่า “The Cheescake Bakery” ทำส่งขายภัตตาคารต่างๆ ใกล้ๆ บ้าน
ในปี 1978 หรือ พ.ศ.2521 นาย เดวิด โอเวอร์ตัน อีกนั่นแหละได้ลงทุนส่วนตัวตั้งร้านขายชีสเค้กและแซนด์วิชเล็กๆ มีเมนูประมาณ 10 เมนู ที่ย่านเบฟเวอรี ฮิลล์ ย่านเซเล็บและดาราฮอลลีวูดที่ดังกระฉ่อนไปทั่วโลก พร้อมกับตั้งชื่อร้านอาหารของเขาว่า “The Chesecake Factory” เป็นครั้งแรก
ปรากฏว่าขายดีจนต้องเปิดร้านที่ 2 ขึ้นอีกที่เมืองใกล้ๆ ร้านเดิม ส่วนร้านที่ย่านเบฟเวอรีฮิลล์ นั้นก็ขยายใหญ่เบิ่มเป็นภัตตาคาร 76 ที่นั่ง ตามมาด้วยร้านที่ 3 อีกย่านหนึ่งใกล้ๆ ชายหาดโรคอนโด… คราวนี้ 300 ที่นั่งไปโน่นเลย
ปี 1980 ถัดมา เขาก็เพิ่มเมนูอาหารทั้งคาว และหวานยาวเหยียดเป็นเล่มโตอย่างทุกวันนี้ พร้อมกับรุกคืบออกจากแอลเอ แคลิฟอร์เนีย กระจายไปทั่วสหรัฐ อเมริกา
หลังจากขยายตัวไปทั่วสหรัฐฯ ก็ได้เริ่มบุกเมืองนอกเริ่มจากตะวันออกกลางแล้วก็จีน… และในที่สุดก็มาถึงเมืองไทยในปลายปี ค.ศ.2023 หรือ 2566 โดยมาปักหลักที่ชั้น 1 เซ็นทรัลเวิลด์ ตรงบริเวณที่เคยเป็นของห้าง “อิเซตัน” ข้างๆ “เช็กแช็ค” ร้าน แฮมเบอร์เกอร์ ดังจากนิวยอร์ก ที่หัวหน้าทีมซอกแซกเคยเขียนไว้แล้ว
ใครจะไปนึกว่าสูตรชีสเค้กแจกฟรีจากหนังสือพิมพ์ที่ “คุณแม่” เธอหนึ่งเอาไปทำกินเอง แล้วก็ทดลองขายในหมู่เพื่อนฝูงจะกลายมาเป็นธุรกิจขนาดยักษ์กว่า 300 สาขาทั่วโลก ทำรายได้ปีละ 3,300 ล้านเหรียญ หรือ 115,500 ล้านบาท โดยประมาณในแต่ละปี
ทุกวันนี้ลูกชายของคุณแม่ที่ชื่อเดวิด เอ็ม โอเวอร์ตัน ก็ยังมีชีวิตอยู่และรวยอื้อซ่า ดำรงตำแหน่งประธานบริหารเต็มตัว
เมื่อก่อนปีใหม่นี้เองหัวหน้าทีมซอกแซกและครอบครัวคราวนี้ 7 คน แวะไปรับประทานที่เซ็นทรัล เวิลด์ มาแล้วครับ
อร่อยไหม? ก็คงต้องตอบว่าอร่อย แต่ที่แอตแลนตา 20 ปีก่อน อร่อยกว่า (อาจเป็นเพราะรอนานจนหิวมาก) และที่สำคัญก็คงต้องบอกว่า ราคาค่อนข้างแพงนะครับ เหมาะสำหรับครอบครัวรายได้ปานกลางขั้นสูงขึ้นไป และนักท่องเที่ยวที่ระดับมีสตางค์ที่ชอบของอร่อยแพงเท่าไรไม่ว่าเสียมากกว่าซึ่งก็ไปอุดหนุนกันเยอะมากเมื่อช่วงปีใหม่
สรุป…ขอขอบคุณนะครับคุณเดวิดโอเวอร์ ตัน ที่อนุมัติให้ The Cheesecake Factory มาเปิดร้านในประเทศไทย.
“ซูม”