ภาพชุดในหน้า 20 ของหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ฉบับเมื่อวานนี้เกี่ยวกับสถานการณ์นํ้าท่วมในจังหวัดยะลา–นราธิวาส มีอยู่หลายภาพที่แสดงให้เห็นถึงความหนักหน่วงของสถานการณ์ และความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนในพื้นที่ของ 2 จังหวัดในช่วงเวลานี้
โดยเฉพาะภาพที่ถ่ายจากมุมสูงมองเห็นนํ้าท่วมถึงหลังคาบ้าน หลายๆ บ้านและยาวไกลออกไปเกือบสุดสายตาของริมฝั่งแม่นํ้าสายบุรี อ.รามัน จ.ยะลา และในตลาดลำภู อ.เมือง จ.นราธิวาส ที่แม้ฝนจะหยุดมาวัน 2 วันแล้ว แต่ระดับนํ้าก็ยังท่วมกว่าครึ่งบ้าน มองเห็นรถยนต์ที่จอดจมหลังคาปริ่มนํ้า นับสิบคันเรียงรายอยู่ข้างหน้า
เป็นภาพตัวอย่างจากความเสียหายโดยรวมของจังหวัดนราธิวาส ที่สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดรายงานว่ามีพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบทั้งหมด 13 อำเภอ 68 ตำบล 410 หมู่บ้าน 28,049 ครัวเรือน คิดเป็นจำนวนผู้เดือดร้อน 109,545 คน
ในขณะที่จังหวัดยะลามีรายงานว่าได้รับผลกระทบ 7 อำเภอ 36 ตำบล 157 หมู่บ้าน 1 ชุมชน จำนวน 6,898 ครัวเรือน คิดเป็นประชากร 27,214 คน ที่ได้รับผลกระทบและจำเป็นต้องอพยพออกจากที่อยู่อาศัย ไปพักชั่วคราว ณ ศูนย์อพยพต่างๆกว่า 600 คน
แต่ที่ได้เห็นจากภาพชุดนี้ แล้วนำมาซึ่งความปลาบปลื้ม ได้แก่ ภาพอาหาร-ยารักษาโรค และข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็นต่างๆที่ได้รับพระราชทานจาก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่เจ้าหน้าที่ของรัฐอัญเชิญไปมอบให้แก่ราษฎรที่ประสบโชคร้ายอย่างทันท่วงที
แสดงถึงนํ้าพระราชหฤทัยขององค์พระประมุข ที่ทรงนึกถึงความทุกข์ยากของพสกนิกร ไม่ว่าจะอยู่ในพื้นที่ใด และภูมิภาคใดของประเทศ ไทยอยู่ตลอดเวลา จนกล่าวได้ว่าทรงส่งความช่วยเหลือต่างๆ ไปยังพี่น้องเหล่านั้น ก่อนหน่วยราชการ หรือหน่วยการกุศลอื่นใดด้วยซํ้า
รวมทั้งภาพท่านนายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน ที่สวมรองเท้าบูตลงไปเยี่ยมพี่น้องประชาชน และร่วมในการแจกสิ่งของพระราชทานให้แก่ราษฎร โดยบินด่วนลงสู่พื้นที่จังหวัดนราธิวาสทันที หลังเสร็จการประชุมคณะรัฐมนตรี
ก็ต้องถือว่าท่านนายกรัฐมนตรี ท่าน “เป็นงาน” ทำงานเป็น รู้ทุกข์ รู้สุขของประชาชน และตัดสินใจลงพื้นที่ทันที นับเป็นขวัญและกำลังใจแก่ผู้ประสบภัยพิบัติเป็นอย่างยิ่ง
เราจะเห็นได้ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาพี่น้องในภาคใต้จะมีโชคชะตาที่แตกต่างไปจากพี่น้องในภาคอื่นๆ คือมักจะได้รับความทุกข์ในขณะที่ภาคอื่นๆ มีความสุขอยู่เสมอๆ
ก็คงเป็นเพราะสภาพของธรรมชาติที่กำหนดไว้เช่นนั้น ทำให้ในขณะที่ภาคอื่นๆเป็นช่วงฤดูหนาว อากาศดี แต่ในภาคใต้กลับเป็นฤดูฝนและมีพายุรุนแรงบ่อยๆ ครั้งในช่วงเวลาเดียวกัน
เป็นต้นเหตุให้ในขณะที่พี่น้องจังหวัดอื่นๆ ซึ่งอยู่ในระหว่างจัดเทศกาลเฉลิมฉลองความสุขในช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่แต่ในภาคใต้มักจะมีเคราะห์จากพายุบ้าง จากฝนตกหนักบ้างในช่วงเวลาเดียวกัน
เหตุการณ์พายุ แฮเรียต พุ่งเข้าสู่ “แหลมตะลุมพุก” ที่ปากพนังนครศรีธรรมราช เมื่อ 60 ปีก่อนโน้น ก็เกิดขึ้นในเดือนตุลาคมคือเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2505 ย่างเข้าสู่ช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีที่กำลังจะเริ่มมีงานรื่นเริงต่างๆในภาคอื่นๆ
พายุ “เกย์” ที่กระหน่ำเข้าสู่ ปะทิวท่าแซะ จังหวัดชุมพรเมื่อ พ.ศ.2532 นำความเสียหายอย่างใหญ่หลวงก็เกิดเมื่อวันที่ 4 เดือนพฤศจิกายนช่วงใกล้ๆ ลอยกระทงของปีดังกล่าว
รวมทั้งเหตุการณ์ “สึนามิ” ที่นำความสูญเสียใหญ่หลวงทั้งชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชนอย่างใหญ่หลวงในจังหวัดภูเก็ต พังงา ระนอง กระบี่ ตรัง ฯลฯ ก็เกิดขึ้นเมื่อ 26 ธันวาคม 2547 หลังวันคริสต์มาสเพียงวันเดียวเท่านั้น
ดังนั้น เมื่อใกล้เทศกาลปีใหม่ปีนี้ได้เกิดฝนตกหนัก และนํ้าท่วมหนัก นำความเสียหายมาสู่พี่น้องในหลายจังหวัดภาคใต้ในช่วงเวลาแห่งความสุขใกล้ส่งท้ายปีเก่าปีใหม่ จึงเป็นเรื่องที่น่าเห็นใจอย่างยิ่ง เช่นเดียวกับในอดีตที่ผ่านมา
คนไทยเราไม่ทอดทิ้งกันครับ แม้ว่าส่วนใหญ่จะมีโอกาสฉลองปีใหม่อย่างมีความสุขในขณะนี้ แต่ก็ไม่ลืมความทุกข์ของพี่น้องที่โชคร้าย
พร้อมที่จะส่งกำลังใจ กำลังทรัพย์ และอื่นๆ ไปช่วยเหลือเจือจานซึ่งกันและกันอยู่ตลอดเวลาและก็เป็นเช่นนี้เสมอมา นับแต่อดีตถึงปัจจุบัน สู้ๆนะครับพี่น้องชาวใต้ผู้โชคร้ายทุกๆ คน.
“ซูม”