ผมเป็นแฟนประจำของเว็บไซต์ระดับโลกอยู่เว็บหนึ่งครับ ว่างเมื่อไรเป็นต้องหาโอกาสคลิกเข้าไปดูสถิติอะไรบางอย่างที่เว็บนี้นำเสนอไว้เป็นประจำวันอยู่เสมอๆ

ได้แก่ www.iqair.com ครับ…เป็นเว็บที่รวบรวมคุณภาพอากาศของเมืองสำคัญทั่วโลกเอาไว้เกือบครบถ้วน พร้อมกับจะช่วยจัดอันดับให้ด้วยว่าคุณภาพอากาศในแต่ละช่วงเวลาของวันของแต่ละเมืองนั้นเป็นอันดับ “แย่” ที่เท่าไรของโลก?

โดยจะเรียงจากอันดับแย่ที่สุดอันดับ 1 ไปจนถึงแย่รองลงมา และตบท้ายด้วยแย่น้อยที่สุด หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ “ดีที่สุด” นั่นเอง

เว็บนี้จะเอ่ยถึงเมืองใหญ่ของประเทศไทย 2 เมืองอันเป็นที่รู้จักดีของนักท่องเที่ยวทั่วโลกคือ Bangkok หรือ กทม. กับ Chiangmai หรือเชียงใหม่ ควบคู่กันไปในแต่ละวัน

ด้วยความที่อยากจะรู้ว่า 2 เมืองหลักของเรามีสภาพอากาศเป็นอย่างไร? ดีหรือร้ายเป็นอันดับเท่าไรของโลก? ผมจึงชอบคลิกเข้าไปดูอยู่เสมอๆ ดังที่ได้เกริ่นไว้ข้างต้น

ยกตัวอย่าง ณ นาทีที่ผมเขียนต้นฉบับวันนี้ (ประมาณบ่าย 3 โมง ของวันจันทร์ที่ 6 พฤศจิกายน) เว็บไซต์ดังกล่าวระบุไว้ว่า เมืองอากาศ แย่มากที่สุดเป็นอันดับ 1 ของโลก ได้แก่ นิวเดลี ประเทศอินเดีย

แย่อันดับ 2 ได้แก่ ลาฮอร์ ปากีสถาน, อันดับ 3 การาจี ปากีสถาน, อันดับ 4 โกลกาตา (หรือกัลกัตตา) อินเดีย และอันดับ 5 มุมไบ ของอินเดีย เช่นกัน

เรื่อยไปจนถึงอันดับแย่น้อยที่สุดคือ อันดับที่ 110 ซึ่งวันนี้ได้แก่ กรุงบรัซเซลล์ ของประเทศเบลเยียม ครับ

ดังนั้นกล่าวอีกนัยหนึ่ง บรัซเซลล์ ก็คือแชมป์โลกอากาศดีที่สุด ณ นาทีที่ผมเขียนถึงนั่นเอง

ในแต่ละอันดับเขาจะระบายสีเอาไว้ให้เพื่อให้รู้ว่าอากาศของเมืองดังกล่าวนั้นอยู่ในระดับยํ่าแย่ที่รุนแรงขนาดไหน…สีม่วงแก่ จะแปลว่า อันตรายที่สุด, สีม่วง (ธรรมดา) แปลว่า อันตรายมาก, สีแดง อันตรายทั่วไป, สีส้ม เริ่มอันตรายและมีผลต่อกลุ่มเสี่ยง, สีเหลือง ปานกลาง และ สีเขียว อยู่ในเกณฑ์ดี หรือ Good รวมทั้งสิ้น 5 กลุ่มด้วยกัน

สำหรับ กทม.หรือ Bangkok วันนี้อยู่อันดับ 44 ในเชิงแย่ของโลก ตกอยู่ในเกณฑ์สีเขียว หรือ Good ครับ ส่วนเชียงใหม่อยู่อันดับที่ 55 ในเชิงแย่ของโลก ซึ่งก็แปลว่ายิ่ง Good ขึ้นไปอีก อยู่ในสีเขียวที่เขียวแก่กว่า กทม.หลายอันดับพอสมควร

ตั้งแต่ผมนั่งเปิดดูเว็บไซต์นี้มาเป็นกิจวัตรทุกๆเช้าติดต่อกันประมาณ 2 ปีเห็นจะได้ พบว่าทั้งกรุงเทพฯและเชียงใหม่ของเรา ไม่เคยขึ้นเป็นเมืองแย่อันดับ 110 หรือดีสุดอันดับ 1 เลยแม้แต่ครั้งเดียว

กทม. (น่าจะรวมปริมณฑลด้วย) เคยติดอันดับแย่ 90 กว่าๆ หรือดีสัก 10 กว่าๆ อยู่หน 2 หน โดยเฉพาะเมื่อเดือนกันยายนนี่เอง

ส่วน เชียงใหม่ นั้นติดอันดับ 105 ในเชิงแย่ แปลว่าอันดับ 6 ในเชิงดีของโลก เมื่อกลางเดือนตุลาคม…ถือเป็นอันดับดีที่สุดของเชียงใหม่ในรอบ 2 ปีที่ผมคลิกเข้าชมเว็บไซต์ดังกล่าวนี้

เหตุที่ผมเขียนถึงเว็บไซต์ www.iqair.com ในวันนี้ ข้อแรกเลยก็คือ ตั้งใจจะแนะนำให้ท่านผู้อ่านรู้จักไว้ เผื่อว่างๆจะได้คลิกเข้าไปดูแก้เหงา เพื่อให้รู้ว่าทั้ง 2 เมืองใหญ่ของเรา คุณภาพอากาศเป็นอย่างไร

เหตุผลข้อที่ 2 ที่เขียนถึงก็เพื่อจะบอกว่าตั้งแต่ช่วงเดือนนี้ (พฤศจิกายน) เป็นต้นไป พอหมดฝนโดยเด็ดขาด เริ่มเข้าสู่ฤดูหนาวและประเทศไทยของเราจะมีการเผาป่า, เผาพืชไร่กันทั่วประเทศ ฯลฯ

รวมไปถึงใน กทม.ของเราก็จะไม่มีฝนลงมาช่วยชะและไม่มีลมแรงๆ มาช่วยหอบควันรถยนต์ต่างๆ ออกไปบ้าง

คราวนี้แหละครับท่านผู้อ่านจะพบว่าในรายชื่อเมืองอากาศแย่ที่สุดประจำวัน 1-5 หรือ “ท็อปไฟฟ์” ไปจนถึง “1-10” หรือท็อปเทนนั้นจะมี Bangkok กับ Chiangmai สลับเข้ามาอยู่ด้วยบ่อยๆครั้ง

ระดับ “แชมป์โลก” คือแย่เป็นอันดับ 1 ของโลกโน่นเลย ผมไม่แน่ใจว่าเคยมีของเราบ้างหรือไม่? แต่ในท็อป 5 ท็อป 10 ผมจำได้ว่า เคยมีและน่าจะบ่อยพอสมควรในช่วงเดือนธันวาคมเป็นต้นไป

นี่ก็เดือนพฤศจิกายนแล้ว ได้เวลาละครับที่เราจะมาลุ้นว่า กทม. หรือเชียงใหม่ จะติดท็อป (เชิงแย่) อันดับเท่าไรของโลกในปีนี้?

“ซูม”