ทีม “ศิริราช” กลับมาแล้ว “ผ่าเข่า” เนปาล “ลุล่วง”

ผมจะหนีไปเที่ยวกับลูกๆ หลานๆ สัก 4 ซ้า 5 วัน และระหว่างเดินทางจำเป็นต้องส่งต้นฉบับล่วงหน้าไว้บ้างดังที่เคยปฏิบัติมาในทุกๆ ครั้งที่หนีไปเที่ยวโดยเฉพาะต่างประเทศ

ปกติก็จะเขียนเป็นเรื่องสั้นขนาดยาวเป็นตอนๆ ประเภท “มินิซีรีส์” เอาไว้ แต่งวดนี้เผอิญมีข่าวคราวและเรื่องราวที่เคยนำมาเขียนผ่านคอลัมน์ที่ยังไม่จบดีอยู่ 2-3 เรื่อง ขอถือโอกาสนำมารายงานให้ครบจบตอนเสียในช่วงนี้ก็แล้วกัน

เรื่องแรก…ท่านผู้อ่านคงจำได้ผมเขียนถึงโครงการ “ผ่าเข่า” ข้ามชาติของทีมคุณหมอจากศิริราชที่ขันอาสาไปผ่าข้อเข่าให้แก่ผู้ยากไร้ชาวเนปาล ณ โรงพยาบาลสิทธัตถนคร ใกล้ๆ อุทยานลุมพินีวัน เขตตำบลลุมมันเด อำเภอรูปันเดฮิ จังหวัดลุมพินี ประเทศเนปาล สถานที่ประสูติของพระพุทธเจ้า

ด้วยการสนับสนุนจากเงินทอดผ้าป่าของ วัดป่าบ้านตาด จังหวัดอุดรธานี และ วัดป่านาคำน้อย และการประสานงานจากพระภิกษุอีกหลายรูป รวมทั้ง พระศรีโพธิวิเทศ เจ้าอาวาส วัดไทยลุมพินี

การไปครั้งนี้นอกจากจะเป็นการช่วยเหลือโดยตรงแก่คนเนปาลผู้ยากไร้ที่เป็นโรคข้อเข่ากว่า 700 ราย แต่คัดเลือกไว้ 35 รายแล้ว ยังจะเป็นการถ่ายทอดวิชาความรู้จากคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล สู่คณะแพทย์ของโรงพยาบาลในประเทศเนปาลดังกล่าวด้วย

อันเป็นการปฏิบัติตามแนวคิด “ศิริราชมอบความรักให้แก่เพื่อนมนุษย์” ที่ สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก ทรงขอให้ชาวศิริราชนึกถึงเพื่อนร่วมโลกอื่นๆไปด้วย นอกเหนือไปจากการดูแลรักษาพี่น้องประชาชนชาวไทยของเราเอง

ผลปรากฏว่าทีมงานของศิริราช 30 ชีวิต ภายใต้การนำทีมของ ศ.นพ.กีรติ เจริญชลวานิช ที่ไปดำเนินการเมื่อต้นเดือนตุลาคม ได้เดินทางกลับมาแล้วพร้อมความสำเร็จที่น่าปลาบปลื้มใจเป็นอย่างยิ่ง

เมื่อการผ่าตัดเข่า ณ โรงพยาบาลสิทธัตถนคร ซึ่งในตอนแรกผมเข้าใจว่าเป็นโรงพยาบาลของวัดไทยลุมพินี แต่ก็มาเขียนเพิ่มเติมภายหลังเมื่อไปค้นกูเกิลทำให้ทราบว่าที่ลุมพินีมีโรงพยาบาลระดับท้องถิ่นของรัฐบาลและภาคเอกชนเนปาลอยู่ 2-3 แห่ง รวมทั้งโรงพยาบาลสิทธัตถนครดังกล่าวด้วย ผ่านพ้นไปด้วยดีทั้งๆ ที่มีปัญหาอุปสรรคให้ต้องลุ้นกันอยู่ตลอดเวลาระหว่างดำเนินการผ่าตัด

แม้จะเป็นโรงพยาบาลเอกชนตึกสูงหลายชั้น และมีห้องผ่าตัดที่ดูสะอาดและน่าจะได้มาตรฐาน จากภาพที่เห็นในวิดีโอที่ถ่ายไว้ แต่จริงๆแล้วเครื่องมือผ่าตัดกลับล้าสมัย และบางชิ้นก็ไม่สามารถใช้การได้

ทำให้การผ่าตัดต่างๆ ต้องขึ้นอยู่กับฝีมือและความชำนาญของทีมแพทย์ไทยเกือบทั้งหมด

ดังนั้นเมื่อการผ่าตัดเป็นไปตามเป้าหมาย คนไข้ทั้ง 35 รายสามารถลุกขึ้นเดินได้ (ด้วยวอล์กเกอร์ช่วยเดิน) หลังจากการผ่าตัดผ่านไป 24 ชั่วโมง จึงสร้างรอยยิ้มอย่างมีความสุข ทั้งคุณหมอเนปาล และคนไข้เนปาล ดังที่เห็นในคลิปวิดีโอที่มีการเผยแพร่ในยูทูบขณะนี้

คณะแพทย์เนปาลกล่าวขอบคุณศิริราช ขอบคุณคุณหมอกีรติ พร้อม ยกมือไหว้ปลกๆ บอกว่า ความเครียดที่สุดในชีวิตการเป็นหมอของพวกเขา ผ่านไปอย่างดียิ่งด้วยฝีมือหมอไทย

ที่สำคัญพวกเขาที่ยืนอยู่ข้างๆ หมอไทยตลอดเวลา ได้รับความรู้ และประสบการณ์อย่างไม่เคยได้รับมาก่อน

คณะแพทย์ศิริราชได้จัดทำคลิปอีก 2 ชุด สรุปเหตุการณ์ทั้งหมดตั้งแต่เริ่มต้นจนจบ รวมถึงภาพการผ่าตัดและขบวนการฝึกเดินหลังผ่าตัดของคนไข้ ก่อนจะจบลงด้วยภาพหมู่ของทุกๆ ฝ่าย ไม่ว่าหมอเรา หมอเนปาล คนไข้เนปาล และคณะพระภิกษุสงฆ์ ตัวแทนประเทศไทยจากวัดไทยลุมพินี ด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส

เป็นวิดีโอที่ทำได้ซึ้งมากดูแล้วแทบจะน้ำตาไหลด้วยความปลาบปลื้มอย่างบอกไม่ถูกสำหรับปฏิบัติการ “ผ่าเข่าข้ามชาติ” ครั้งนี้

ขอขอบคุณทีมงานของศิริราชพยาบาลไว้ ณ ที่นี้อีกครั้ง กราบนมัสการพระเดชพระคุณเจ้าทุกรูป ทั้งที่วัดไทยลุมพินีเนปาล และวัดที่เกี่ยวข้องในประเทศไทย ที่ทำให้โครงการ “สะพานบุญ” ข้ามชาติครั้งนี้ประสบความสำเร็จใหญ่หลวง

ผมเชื่อมั่นว่าโครงการนี้ จะอยู่ในความทรงจำของคณะแพทย์และพยาบาลของโรงพยาบาลสิทธัตถนคร ตลอดจนคนไข้เนปาลทั้ง 35 คน และญาติมิตรอีกนับร้อยๆ คนของเขาไปอีกนานแสนนาน.

“ซูม”

ศิริราช, ผ่าเข่า, เนปาล, ลุล่วง, วัดไทยลุมพินี, โรงพยาบาลสิทธัตถนคร, คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล, ข่าว, ซูมซอกแซก