“วันแห่งความหวัง” “อีกครั้ง” ของคนไทย

ผมชอบวัน “ถวายสัตย์ปฏิญาณตน” ต่อพระมหากษัตริย์ของรัฐบาลชุดต่างๆ ที่ได้รับการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้เข้ามาบริหารราชการแผ่นดินมาตั้งแต่ผมจำความได้

เพราะเป็นวันที่ประเทศไทยของเราจะมีรัฐบาลใหม่มาขับเคลื่อนประเทศ เพื่อให้ออกเดินไปข้างหน้านำพาพวกเราที่เป็นประชาชนทุกหมู่เหล่าไปสู่ความเจริญก้าวหน้าและความสุขความสบายต่างๆ ที่รัฐบาลนั้นๆ ได้โฆษณาหาเสียงไว้ และให้สัญญาไว้ว่าจะทำตามที่ท่านพูดทุกประการ

ในยุคที่ประเทศไทยของเรามีเพียงสื่อวิทยุให้ฟังรายงานข่าวเป็นเสียงพูด ผมซึ่งอยู่ต่างจังหวัดก็จะฟังรายงานข่าวจากวิทยุแห่งประเทศไทยที่รายงานผ่านวิทยุคลื่นสั้นเครื่องยักษ์ และนึกภาพตามไปด้วย

จากนั้นอีก 2-3 วันก็จะมีหนังสือพิมพ์ฉบับขาวดำรูปภาพหน้าหนึ่งจึงเป็นสีขาวดำ และในยุคต้นๆ ยังพิมพ์ด้วยระบบบล็อก ภาพต่างๆ จึงค่อนข้างเบลอ รวมทั้งภาพคณะรัฐบาลที่ถ่ายภาพหมู่แบบเบลอๆ มาให้พวกเราที่อยู่ต่างจังหวัดได้อ่านข่าวและเห็นภาพที่ร้านกาแฟในตลาด

จำได้ว่าทั้งผู้ใหญ่ที่นั่งอ่านข่าวและดูภาพ รวมไปถึงเด็กมัธยมที่กำลังเติบโตและเริ่มเรียนรู้เหตุการณ์รอบๆ ตัวอย่างผมและเพื่อนๆ อีก 3-4 คน ก็จะนั่งดู นั่งชม นั่งอ่านข่าวด้วยความรู้สึกอันปลื้มปีติ

ปลื้มที่ว่าอีกไม่นานนัก จากนั้นไปบ้านเมืองของเราคงจะเจริญขึ้นเรื่อยๆ และประชาชนอย่างเราๆ ก็คงจะมีความสุขมากขึ้นเรื่อยๆ ไปตามลำดับ ตามสัญญาโน่นนี่ต่างๆ ที่รัฐบาลใหม่มาหาเสียงไว้

แต่เมื่อกาลเวลาผ่านไปผมก็รู้สึกว่า สิ่งที่เราฝัน สิ่งที่เราคาดหวังไว้มักไม่ค่อยเป็นไปตามคาดเท่าไรนัก

รัฐบาลอยู่ได้หน่อยหนึ่งก็ทะเลาะกันเอง แตกแยกกันเอง ไม่ทันได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันก็แตกแยกกันเสียแล้ว

รัฐบาลบางชุดอยู่ได้นานมากครบ 4 ปี และบางชุดที่มาจากระบอบเผด็จการอาจอยู่ได้ถึง 7 ปี 8 ปี แต่ก็ปรากฏว่ามีการโกงกิน มีการคอร์รัปชัน และบางรัฐบาลถึงกับโดนขับไล่ไสส่งด้วยซ้ำ

แต่เนื่องจาก “รัฐบาล” ยุคโน้นเหมือนสมบัติผลัดกันชม มาแล้วก็ไป ไปแล้วก็มาใหม่…ทำให้เรารู้สึกเศร้า รู้สึกผิดหวังไม่นานนัก เพราะเดี๋ยวก็จะมีเลือกตั้งใหม่ หรือบางครั้งก็ปฏิวัติใหม่กันอีกแล้ว

พวกเราก็จะหันมาฝากความหวังใหม่ๆเอาไว้กับรัฐบาลใหม่ๆที่จะมาแทนรัฐบาลเก่าต่อไป ทำให้ชีวิตยังมีความสุขไปได้อีกระยะหนึ่ง

แต่ก็นับว่าเป็นโชคดีของประเทศไทยและคนไทยอยู่อย่างหนึ่ง ที่แม้เราจะผิดหวังสมหวังสลับกันอยู่ตลอดก็ตาม แต่บางระยะเวลาและบางรัฐบาล “ความสมหวัง จะยาวกว่า ความผิดหวัง” ทำให้ประเทศไทยพอมีกำไรสะสม ค่อยๆ เตาะแตะมาได้เรื่อยๆ

จากประเทศ “ด้อยพัฒนา” ที่โลกมักจะเรียกอย่างปลอบใจว่า “กำลังพัฒนา” ร้อยเปอร์เซ็นต์ เราก็เจริญเติบโตมาตามลำดับ กลายเป็นประเทศรายได้ปานกลางขั้นต้นๆ ก่อนจะขยับเป็นประเทศรายได้ปานกลางขั้นสูง และเริ่มฝันถึงความเป็นประเทศรายได้สูงขั้นต้นอย่างที่ฝันกันมา 4-5 ปีที่แล้ว

บ่ายๆ วันที่ผมนั่งเขียนต้นฉบับอยู่นี้ (5 กันยายน 2566) สำนักข่าวออนไลน์ทุกสำนักลงตีพิมพ์ภาพหมู่คณะรัฐมนตรีของท่านนายกฯ เศรษฐา ทวีสิน ที่กลับจากพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณอีกครั้งหนึ่ง

ณ บริเวณหน้า “ตึกไทยคู่ฟ้า” หรือตึกที่นั่งทำงานของท่านนายกรัฐมนตรี ผู้กุมอำนาจสูงสุดทางด้านบริหารประเทศไว้ในมือนั้นเอง

ด้วยระบบดิจิทัลของกล้องยุคใหม่ และการสื่อสารสมัยใหม่ ภาพที่ปรากฏจึงชัดเจน คมกริ๊บ มีสีสันสดใส ดุจของจริงทุกประการ

คณะรัฐมนตรีทั้งหมดอยู่ในชุดปกติขาว นั่งเก้าอี้อยู่บนพรมแดง มีเนินหญ้าสีเขียวขจีอยู่ด้านหลัง และมีตึกไทยคู่ฟ้าสีเหลืองอ่อนๆ หลังคาสีแดงสด พร้อมด้วยธงชาติไทยสีสดใส ทั้ง 3 สี ประดับอยู่บนสุดเป็นแบ็กกราวด์ที่สง่างามยิ่งนัก

ขอให้บริหารประเทศไปได้นานๆ นะครับ ท่านนายกฯเศรษฐา ครบ 4 ปีได้ก็จะดีมาก ผมเอาใจช่วยเต็มที่ครับ

ปล.ผมไม่ได้อวยเฉพาะรัฐบาลนี้นะครับ บอกแล้วว่าผมชอบดูภาพ ชอบอ่านข่าวรัฐบาลเข้าเฝ้าฯ ปฏิญาณตนมาตั้งแต่เด็กๆ จึงเอาใจช่วยหรือ “อวย” มาทุกรัฐบาล สมหวังบ้าง ผิดหวังบ้าง จนชาชินส์แล้วล่ะ

สำหรับครั้งนี้ ผมก็ฝันไว้ก่อนว่าจะ “สมหวัง” แต่ถ้ากลายเป็น “ผิดหวัง” ก็จะไม่เสียใจอะไรมาก…เพราะกราบเรียนแล้วว่า “ชาชินส์” เติมตัว “ส.” ไว้ด้วยแปลว่า หลายๆ “ชาชิน” น่ะครับ ท่านนายกฯ.

“ซูม”

“วันแห่งความหวัง” “อีกครั้ง” ของคนไทย, ถวายสัตย์ปฏิญาณตน, รัฐบาล, คณะรัฐมนตรี, การเมือง, ประเทศไทย, นายกฯ เศรษฐา ทวีสิน, ซูมซอกแซก,