ผมติดภารกิจที่จะต้องหลบไปเขียนถึงเรื่องสนุกสนานเบิกบานใจ เที่ยวโน่นเที่ยวนี่ที่ไม่เกี่ยวกับการบ้านการเมืองเสีย 2 วันเป็นเหตุให้เขียนถึง “เหตุการณ์” ที่ผมพาดหัวคอลัมน์เอาไว้ข้างบนนี้ช้าไปบ้างเล็กน้อย

แต่ก็อยากจะเขียนถึงครับเพื่อบันทึกไว้เป็น “เกร็ด” ประวัติศาสตร์อีกเกร็ดหนึ่งของบ้านเรา

เพราะนับตั้งแต่ผมจำความได้ครั้งนี้นับเป็นครั้งแรก ที่ 2 นายกรัฐมนตรีของประเทศไทย…คนหนึ่งกำลังจะมา อีกคนกำลังจะไป ได้มีการพบปะและสนทนาแลกเปลี่ยนให้ข้อแนะนำในการบริหารประเทศ พร้อมฝากงานสำคัญๆบางอย่างไว้ให้อีกฝ่ายช่วยดูแลสืบต่อไป

ที่ผมใช้คำว่า “2 นายกรัฐมนตรี” ก็เพราะจะมีช่วงหนึ่งหลังการเลือกตั้ง ไม่ว่าจะเป็นรัฐธรรมนูญ พ.ศ.ไหนก็ตาม จะเขียนไว้ให้ประเทศไทยมีนายกรัฐมนตรี 2 คนอยู่เสมอ

เป็นนายกรัฐมนตรีเต็มตัวเลยทั้งคู่จะไปเรียกคนใหม่ว่า “ว่าที่” คงไม่ถูกต้อง เพราะได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ เป็นนายกรัฐมนตรีเป็นที่เรียบร้อย

เพียงแต่รอจัดตั้งรัฐบาลใหม่เสร็จ นำคณะรัฐมนตรีเข้าเฝ้าถวายสัตย์ฯ และแถลงนโยบายต่อรัฐสภาแล้วเท่านั้น จึงเป็นนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีที่สมบูรณ์ 100 เปอร์เซ็นต์

ซึ่งก็คงไม่นานนักนับจากนี้ไป

ในอดีตที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีทั้งคู่จะต่างคนต่างอยู่ ต่างคนต่างปฏิบัติหน้าที่เฉพาะหน้ากันไป…พอรัฐบาลใหม่แถลงนโยบายเสร็จ ทั้ง 2 นายกฯก็ต่างคนต่างไปแบบทางใครทางมัน

แต่นี่ทั้ง 2 นายกฯมาเจอกันในขณะที่คนหนึ่งยังมีอำนาจรักษาการ อยู่และอีกคนก็เป็นนายกฯเต็มตัวแล้ว เพียงแต่รอวันสมบูรณ์ 100 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น…แถมมาเจอกันในสถานที่ “ศักดิ์สิทธิ์” คือ ทำเนียบรัฐบาล ด้วย จึงเป็นปรากฏการณ์ใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อนสำหรับการเมืองไทย

ผมชอบใจภาพชุด 4 สี ในหน้า 20 ของ ไทยรัฐ ฉบับวันเสาร์ที่ 26 สิงหาคม เริ่มตั้งแต่นายกฯ ตู่มอบช่อดอกไม้แสดงความยินดีแก่นายกฯเศรษฐา ตามด้วยภาพนั่งคุยในห้องรับแขกของห้องทำงานนายกฯและภาพ เดินนำชมสถานที่สำคัญในทำเนียบ ฯลฯ

มีอยู่ภาพหนึ่งบิ๊กตู่ชี้นิ้วเหมือนเชิญชวนให้นายกฯ เศรษฐาดูอะไรสักอย่าง โดยมีต้นไม้เขียวชะอุ่มเป็นฉากอยู่ด้านหลัง

ผมดูภาพนี้ไปก็นึกถึงเพลงฮิตระดับ “โกลเด้น ซอง” ที่ฮิตมากในสมัยผมหนุ่มๆ และแม่บ้านผมยังเป็นสาวๆ ชื่อเพลง “นกเขาคูรัก” ขับร้องต้นฉบับโดย พี่ฉึ่ง ชรินทร์ นันทนาคร และ ป้าโจ๊ว เพ็ญศรี พุ่มชูศรี ที่เดี๋ยวนี้ก็ยังพอได้ยินอยู่บ้าง

ทั้ง 2 นายกฯ จะชี้ชวนดูอะไรไม่ทราบได้ แต่ยิ้มแย้มด้วยกันทั้งคู่ก็แปลว่าคงดูในสิ่งดีๆ และเป็นมงคลอย่างใดอย่างหนึ่งในทำเนียบรัฐบาลแน่นอน

คนมองโลกแง่ดีหรือสุขนิยมอย่างผมอยากเห็นคนไทยสมัครสมานสามัคคีเลิกแบ่งขั้วแบ่งสีแบ่งฝักแบ่งฝ่าย อ่านข่าวดูภาพที่ว่านี้แล้วก็มีความสุขบังเกิดความหวังขึ้นมาทันที

แต่ก็อย่างว่าแหละครับประเทศไทยเรา ซึ่งทะเลาะกันมานานเหลือเกินขัดแย้งกันมาตลอด แม้แต่ฝ่ายพรรคที่สนับสนุนบิ๊กตู่และกองเชียร์บิ๊กตู่จำนวนมาก ก็เคยขัดแย้งกับพรรคเพื่อไทยมาแล้วอย่างชนิด “ตายแล้วไม่เผาผี” แบบสำนวนไทยโบราณ

จะหันมา “รู้รักสามัคคี” กันง่ายๆเพียงแค่การพบกัน 1 ชั่วโมง ระหว่าง “ลุงตู่” กับ “น้องนิด” หรือไม่ คงจะต้องติดตามเหตุการณ์กันต่อไป อย่าได้กะพริบตาก็แล้วกัน

เพี้ยง! ขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายในทำเนียบรัฐบาลไทย อันได้แก่ พระพรหม ณ ตึกไทยคู่ฟ้า, ศาลพระภูมิเจ้าที่ และ ศาลตาศาลยาย จงบันดาลให้การพบกันของ 2 นายกฯไทยครั้งนี้ บังเกิดผลดีนำสิ่งดีๆ มาสู่ประเทศของเราด้วยเทอญ

ป.ล.หมายเลข กท รถที่ “นายกฯเศรษฐา” นั่งเข้าทำเนียบก็คือ “8กผ1127 กรุงเทพมหานคร” นะครับ ส่วนของลุงตู่ยังคงใช้รถคันเดิมทะเบียนเดิม “4กต29 กรุงเทพมหานคร” ครับ…ขออนุญาตระบุไว้ด้วย

ตามคำเรียกร้องของท่านผู้อ่านบางท่านที่อยากรู้ทะเบียนรถนายกฯซะจริง…จะเอาไปทำอะไรก็ไม่รู้…ไม่บอกให้ก็โกรธซะงั้น!

“ซูม”