ไปส่อง “ช้างป่า” ที่อำเภอ “กุยบุรี”

หัวหน้าทีมซอกแซกเพิ่งชะแว้บไปสูดโอโซนรับลมทะเลเย็นๆ เพื่อหลบลมร้อนและอุณหภูมิการเมืองที่ร้อนขึ้นทุกขณะ

เพราะใกล้วันเลือกตั้งไปนอนที่ชายหาด “บ้านกรูด” อำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มาถึง 4 วัน กับ 3 คืนเต็มๆ เมื่อสัปดาห์ที่แล้วนี่เอง

ไปส่อง “ช้างป่า” ที่อำเภอ “กุยบุรี”, อุทยานแห่งชาติกุยบุรี, ประจวบคีรีขันธ์, บ้านกรูด, ส่องสัตว์, หาดทรายแก้ว รีสอร์ท, ซูมซอกแซก

โดยการอนุเคราะห์ของคุณ ประกิต อภิสารธนรักษ์ ประธานบริษัทประกิตโฆษณาเพื่อนซี้ร่วมรุ่นเศรษฐศาสตร์ธรรมศาสตร์ของผมที่คบค้ากันมานาน ครบ 63 ปีพอดิบพอดีในเดือนพฤษภาคมนี่แหละครับ

คุณประกิตจะเชิญเพื่อนพ้องร่วมรุ่นไปนอนพักในช่วงฤดูร้อนที่ หาดทรายแก้ว รีสอร์ท รีสอร์ตเล็กๆ แต่กะทัดรัดที่ชายหาดบ้านกรูดที่เกลอไปลงทุนสร้างไว้อยู่เสมอๆ

เฉพาะหัวหน้าทีมซอกแซกไปมาแล้ว 3-4 ครั้งในช่วงเกือบ 10 ปีที่ผ่านมา…ไปแล้วก็ติดใจทั้งความน่ารักของรีสอร์ตและบรรยากาศของอำเภอต่างๆ รอบๆ รีสอร์ตตั้งแต่อำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ ลงไปถึงบางสะพานและข้ามจังหวัดไปถึงอำเภอในด้านเหนือของจังหวัดชุมพรโน่นเลย

กลับมาเขียนถึงสถานที่ท่องเที่ยวทั้งที่โด่งดังเป็นที่รู้จักกันทั่วประเทศและต่างประเทศไปจนถึงแหล่งท่องเที่ยวประเภท “อันซีน” แถวๆ นั้น หลายต่อหลายครั้งท่านที่ติดตามอ่านคอลัมน์นี้คงจะทราบกันดีอยู่แล้ว

ไปเที่ยวนี้นึกว่าคงไม่มีเรื่องเขียนแล้วละเพราะไปเสียจนปรุแล้ว แถมบางเรื่องบางสถานที่ติดอกติดใจมากเขียนให้ถึง 2 ครั้งด้วยซ้ำไป

ไปส่อง “ช้างป่า” ที่อำเภอ “กุยบุรี”, อุทยานแห่งชาติกุยบุรี, ประจวบคีรีขันธ์, บ้านกรูด, ส่องสัตว์, หาดทรายแก้ว รีสอร์ท, ซูมซอกแซก

ที่ไหนได้ทีมงานซอกแซกรายหนึ่งอ่านข่าวเจอว่า ที่ อำเภอกุยบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์เช่นกันมีสถานที่ที่น่าเที่ยวมากอยู่สถานที่หนึ่ง ซึ่งคณะของเรามักจะผ่านเลยไปไม่ได้แวะเข้าไปเยี่ยมชมสักที ควรจะหาโอกาสไปให้ได้ในเที่ยวนี้

นั่นก็คือ “อุทยานแห่งชาติกุยบุรี” ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของป่าและเทือกเขาตะนาวศรีที่ทุกวันนี้ยังคงมีสัตว์ป่าชุกชุมมักมาปรากฏตัวเป็นข่าวอยู่เสมอโดยเฉพาะฝูงช้างป่า

ที่สำคัญการแวะเข้าไปเยี่ยมเยียนก็ง่ายนิดเดียว แต่ขับรถขึ้นเขาไปเพียง 30 กิโลเมตร จากอำเภอกุยบุรี เราก็สามารถจะไปถึง ที่ทำการ ของอุทยานแห่งชาติกุยบุรี และหลังจากนั้นก็จะมีบริการจัดรถเช่าและมัคคุเทศก์จากหมู่บ้านแถวๆนั้นนำเข้าสู่บริเวณอุทยานเพื่อชมสัตว์ป่าต่างๆ ได้อย่างสะดวก

เพราะเวลาที่เขาเปิดให้เข้าชมก็จะเริ่มตั้งแต่ 14.00-18.00 น. ซึ่งเป็นช่วงเวลาบ่ายๆ ไปจนถึงก่อนค่ำเท่านั้นไม่จำเป็นจะต้องนอนค้างอ้างแรมแต่อย่างใด

เราจึงตัดสินใจกันว่า เมื่อเดินทางไปถึงและนอนค้างที่ หาดทรายแก้ว รีสอร์ท ฟังเสียงคลื่นและลงเล่นน้ำทะเลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว…จะขับรถย้อนกลับไปที่กุยบุรี เพื่อไป “ส่องสัตว์” ยามบ่ายๆ ตามข่าวที่ทีมงานของเราอ่านพบ

เมื่อวันพุธที่ผ่านมานี่เองครับ คณะของเราออกจากบ้านกรูด ก่อนเที่ยงเล็กน้อย ขับรถย้อนไปเยี่ยมชม “บริเวณ 3 อ่าว” ของอำเภอเมือง จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และนั่งรับประทานอาหารกลางวันริมอ่าวที่ร้าน เพลินสมุทร ร้านเก่าแก่ของจังหวัดที่รสชาติยังอร่อยเหมือนเดิม

ได้เวลาบ่าย 3 โมงเป๊ะ คณะของเราก็ออกจาก พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำหว้ากอ ไปสู่อำเภอกุยบุรีและถึงที่หมาย “อุทยานแห่งชาติกุยบุรี” ก่อน 4 โมงเย็นอีก 10 นาที เห็นจะได้

ณ จุดต้อนรับก่อนเข้าสู่อุทยานจะมีเจ้าหน้าที่ตั้งโต๊ะอำนวยความสะดวกและจำหน่ายตั๋วให้แก่ นักท่องเที่ยว ซึ่งจะต้องซื้อให้เป็นที่เรียบร้อยเสียก่อนในสนนราคา เด็ก 20 บาท ผู้ใหญ่ 40 บาท

ขณะเดียวกันก็จะต้องจ่ายค่าบริการสำหรับรถนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ท้องถิ่น ซึ่งก็คือชาวบ้านของหมู่บ้านที่อยู่ใกล้ๆ กับอุทยานนั่นเอง

เขาคิดราคารวมกันเฉพาะค่าบริการรถเช่าและมัคคุเทศก์ 850 บาท เป็นรถกระบะแบบเปิดท้ายโล่งให้นั่งสบายๆ ด้านหลังไม่เกิน 8 คน โดยมีที่นั่งแบบไม้กระดานยาวๆ เรียงกันสำหรับนั่งหรือจะยืนเกาะราวเพื่อสะดวกต่อการหมุนตัวไปรอบๆ ก็ทำได้เช่นกัน

ไปส่อง “ช้างป่า” ที่อำเภอ “กุยบุรี”, อุทยานแห่งชาติกุยบุรี, ประจวบคีรีขันธ์, บ้านกรูด, ส่องสัตว์, หาดทรายแก้ว รีสอร์ท, ซูมซอกแซก

หน้าประตูทางเข้าชมสัตว์จะมีแผ่นป้ายใหญ่เขียนว่า “ช้างกุยบุรี” พร้อมรูปปั้นช้างป่าขนาดเท่าตัวจริง 2 ตัวยืนข้างป้ายให้ถ่ายรูป “เช็กอิน” กันก่อน เหมือนจะเป็นการปลอบใจว่าถ้าเข้าไปข้างในแล้วไม่เจอช้างป่าเลยสักตัวเดียวอย่างน้อยเราก็ยังมีโอกาสได้ถ่ายรูปกับช้าง หรือได้เห็นช้างจำลองอย่างน้อยก็ 2 ตัวที่จุดนี้

ระยะทางที่นักท่องเที่ยวจะเข้าไปชมสัตว์ป่าเป็นเส้นทางลูกรังที่สร้างหรือปรับปรุงขึ้นใหม่จากเส้นทางดั้งเดิมที่ชาวบ้านเคยมาทำไว้ในอดีตมีความยาวทั้งสิ้น 7 กิโลเมตรครึ่ง จะผ่านไปตามจุดต่าง ๆที่จะเป็นบริเวณทุ่งหญ้า หรือป่าโปร่งที่สัตว์จะมากินอาหาร และเป็นจุดดูสัตว์ที่ตระเตรียมไว้

สำหรับรถรับจ้างทั้งหมดจะมีประมาณ 50 คัน เป็นของชาวบ้านจากหมู่บ้าน “รวมไทย” ที่อยู่ใกล้ๆ และเจอปัญหาการรบกวนจากสัตว์ป่า ดังนั้นเมื่อมีบริการท่องเที่ยวชมสัตว์ป่าเกิดขึ้น ทางราชการจึงให้โอกาสชาวบ้านในหมู่บ้านนี้ก่อนใครๆ ทั้งหมด

ส่วนมัคคุเทศก์ก็เป็นชาวบ้านในหมู่บ้านเดียวกัน แต่เป็นกลุ่มต่างหากแยกกัน และมีการจัดคิวในกลุ่มของตัวเอง ซึ่งมีประมาณ 30 คน

ทุกคนจะได้รับการอบรมและเข้าหลักสูตรการฝึกของอุทยานทั้งในเรื่องของความรู้เกี่ยวกับป่าและสัตว์ต่างๆ รวมถึงวิธีรักษาความปลอดภัยและการควบคุมดูแลนักท่องเที่ยวให้ได้รับความปลอดภัยสูงสุดระหว่างขับรถเข้าดูชมสัตว์

หัวหน้าทีมซอกแซกได้รับเกียรตินั่งคู่กับคนขับ จึงมีโอกาสได้คุยกันไปตลอดทาง รวมทั้งประโยคแรกๆ ที่คนขับรถออกตัวว่าฤดูนี้ช้างป่าไม่ค่อยออกมากินอาหาร วันนี้เราจะได้เห็นได้ดูหรือเปล่ายังไม่รู้เลย…ถ้าลุงตั้งใจจะมาดูช้างป่าอย่างเดียวต้องทำใจไว้ก่อนนะครับ

แล้วกันก็ฉันตั้งใจจะมาดูช้างป่านี่นา…จะได้ดูไหมเนี่ย? สัปดาห์หน้าเรามาลุ้นกันนะครับว่าคณะของเราจะได้เห็นช้างป่ากุยบุรีตัวจริง เสียงจริงบ้างหรือไม่?

“ซูม”