“ปาด” อย่าคิดว่าไม่สำคัญ “วิวาท” ขึ้นหน้า 1 บ่อยครั้ง

เมื่อ 2-3 วันที่ผ่านมา หนังสือพิมพ์หลายฉบับ พาดหัวข่าวว่า “พี่น้อง 3 ป.” ที่แตกออกมา 2 ป. เพื่อเตรียมเสนอตัวเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ในการเลือกตั้งสมัยหน้า มีการ “หาเสียงลงพื้นที่” แบบ “ปาดหน้า” กันถึง 3 ครั้ง

ครั้งแรกที่จังหวัดราชบุรีเมื่อ 17 มกราคม ครั้ง 2 ที่จังหวัดนครสวรรค์ เมื่อวันที่ 20 มกราคม และครั้งที่ 3 ที่เยาวราช กรุงเทพฯ วันตรุษจีน

สำหรับที่เยาวราชนั้น หนังสือพิมพ์รายงานข่าวด้วยว่า ป.พี่ใหญ่ สวมเสื้อเชิ้ตสีแดง แจ็กเกตสีเขียว กางเกงยีนส์ รองเท้าผ้าใบไปไหว้ศาลเจ้าแม่กวนอิม ที่มูลนิธิเทียนฟ้า มีแฟนคลับเข้ามาไหว้ทักทาย และขอ “เซลฟี่” ด้วยจำนวนมาก

วันเดียวกันนั้น ป.น้องเล็ก ก็มีกำหนดการที่จะมาเดินย่านถนนเยาวราช พร้อมด้วยแกนนำ พรรค รทสช. อีกหลายคน เพื่อไหว้เจ้า ไหว้พระ และพบปะประชาชนเช่นเดียวกัน

หนังสือพิมพ์หลายฉบับ จึงพาดหัวข่าวในทำนองว่า “พี่ใหญ่” ปาดหน้า “น้องเล็ก” อีกแล้วดังกล่าว

อีก 1 วันต่อมา ก่อนเข้าประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ ที่ทำเนียบ พี่ใหญ่ เจอหน้านักข่าว ก็บ่นกระปอดกระแปดว่าท่านตั้งใจไปไหว้พระ เพราะไปไหว้เจ้าแม่กวนอิม ที่มูลนิธิเทียนฟ้าทุกปี ไม่ได้ตั้งใจจะไปปาดหน้าอะไรใครเลย มาหาว่าเราปาดหน้านายกฯได้ยังไงก็ไม่รู้?

หนังสือพิมพ์รายงานด้วยว่า ก่อนเข้าประชุมนายกฯ เรียกพี่ทั้ง 2 รวมเป็น “3 ป.” ครบทีมอีกครั้งเข้าประชุมย่อยที่ห้องรับแขกเป็นเวลา 5 นาที ก่อนเข้าประชุมใหญ่ต่อไป และออกมาโดยไม่แถลงใดๆ

ที่ผมสรุปข่าวหนังสือพิมพ์มาลงอย่างละเอียด ก็เพื่อจะวินิจฉัยว่า เหตุการณ์ที่หนังสือพิมพ์ใช้คำว่า “ปาดหน้า” จะพัฒนาไปในทางใด? กระทบต่อสถานการณ์ความรักใคร่กลมเกลียวระหว่างพี่น้อง 3 ป. บ้างหรือไม่?

เมื่อทราบว่าทั้ง 3 ท่าน ยังพูดคุยกันได้เป็นปกติถึง 5 นาที ก่อนจะไปประชุมร่วมกันต่ออีกเป็นชั่วโมง และก่อนเข้าประชุม ป.ใหญ่ก็ยังบอกกับนักข่าวด้วยว่า ไม่มีการปาดหน้าแต่อย่างใดทั้งสิ้น

ประมวลเหตุการณ์ได้อย่างนี้ผมก็ค่อยสบายใจขึ้นเยอะ!

เพราะถ้ามีการ “ปาดหน้า” กันขึ้นจริงๆ จะเป็นเรื่องที่น่าห่วงมาก และอาจบานปลายไปถึงขั้นทะเลาะเบาะแว้งกันในภายหลังได้

จะเป็นด้วยเหตุผลใดไม่ทราบ คนไทยจำนวนมากได้เกิดวิวาทกันบ่อยครั้ง และหลายครั้งที่จบลงด้วยการควักอาวุธออกมาทำร้ายกันถึงเสียชีวิต เหตุเพราะการ “ขับรถ” ปาดหน้าซึ่งกันและกัน

เมื่อ พ.ศ.2530 กว่าๆ ระหว่างเดินทางไปจังหวัดเล็กๆ จังหวัดหนึ่ง ผมกับคณะแวะเข้าไปเติมน้ำมัน และถือโอกาสลงจากรถเข้าไปร้านกาแฟข้างปั๊ม นั่งดื่มกาแฟพักเหนื่อยไปด้วย

คนขายกาแฟเล่าให้พวกเราฟังขณะยกกาแฟมาเสิร์ฟว่า ที่ร้านตรงข้ามถนนฝั่งโน้นกำลังมีงานศพ คนตายขับปิกอัพจะไปส่งของโดนรถเบนซ์ขับปาดหน้า จึงตะโกนด่าออกมา 2-3 คำ

รถเบนซ์วิ่งแซงไปครู่หนึ่งก็ย้อนกลับมาใช้ปืนยิงคนขับรถปิกอัพ จนตายคารถก่อนหนีไป “น่าสงสารมากครับ เพราะเขาเป็นหัวหน้าครอบครัวและมีลูกเล็กๆ หลายคน” คนขายกาแฟสรุปเหตุการณ์

กลับมากรุงเทพฯ ผมลองเข้าไปค้นในห้องสมุดของไทยรัฐ ในเสาร์วันหนึ่ง เพราะอยากรู้ว่า การขับรถปาดหน้าและด่าทอกันเป็นข่าวขึ้นหน้า 1 มากน้อยแค่ไหน?

ปรากฏว่าปีนั้นปีเดียวมีถึง 4 ครั้ง ครั้งที่เป็นข่าวใหญ่ที่สุด เพราะผู้ลงมือเป็น “นักเรียนนอก” ขับรถหรู เหตุเกิดแถวๆ แยกกรมการขนส่งทางบกหลังไทยรัฐนี่เอง

มีการขับรถปาดหน้ากันไปมา ระหว่างรถหรูกับแท็กซี่ พอรถมาติดไฟแดงหน้ากรม ฝ่ายรถหรูก็คว้าปืนลงมาซัลโวแท็กซี่จนเสียชีวิต

จากเหตุการณ์ในอดีต เรื่อง “ปาดหน้า” ดังที่กล่าวมานี้ ผมจึงห่วงมาก กลัวว่าพี่น้อง 2 ป.จะโกรธกันหนักเหมือนคู่กรณีต่างๆในข่าว

เมื่อทราบว่ายังคุยกันได้และประชุมกันได้ โดยอีกฝ่ายบอกว่า “เราไม่ได้ปาด” ผมก็โล่งใจด้วยประการฉะนี้

ก็ฝากทีมงานของทั้ง 2 พี่น้องไว้ด้วยนะครับ ว่าอย่าพยายามจัดโปรแกรมชนกันบ่อยนัก เลี่ยงได้ก็เลี่ยงเสียไกลๆ…ประเทศไทยเรากว้างใหญ่ แยกกันไปหาเสียงได้อย่างสบาย

มาใช้วิธีลงพื้นที่ “เฉียด” กันไปเฉียดกันมาแบบนี้ เดี๋ยวก็อดคิดไม่ได้หรอกว่าเป็นการ “ปาดหน้า” โดยเจตนา

จะทำให้พี่น้อง “ร่วม” สาบาน ต้องมา “เลิก” คำสาบานก่อเรื่องทะเลาะกันเอง ดังตัวอย่างจากข่าวหนังสือพิมพ์เก่าๆ เอาน่ะซีครับ.

“ซูม”

“ปาด” อย่าคิดว่าไม่สำคัญ “วิวาท” ขึ้นหน้า 1 บ่อยครั้ง, ข่าว, การเมือง, เลือกตั้ง, หาเลียง, แคนดิเดต, นายกรัฐมนตรี, ซูมซอกแซก