การตัดสินใจของ “บิ๊กตู่” ข้อสังเกต “ด้วยรัก”+“ห่วงใย”

หนังสือพิมพ์ทุกฉบับลงข่าวล่วงหน้าไว้หลายวันแล้วว่า วันนี้ (9 มกราคม 2566) เวลา 17.00 น. ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ จะมีพิธีเปิดตัว “ลุงตู่” ที่จะมายื่นสมัครเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติและรับข้อเสนอที่จะให้ท่านเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคในการเลือกตั้งที่จะมาถึง

ถือเป็นการตัดสินใจที่จะอยู่รับใช้ประชาชนชาวไทยในฐานะนายกรัฐมนตรีต่อ…ตามโควตาอายุความที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยแล้วว่าจะเป็นได้อีกประมาณ 2 ปี

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของประชาชนแหละครับว่ายังมีความประสงค์จะให้ท่านเป็นนายกฯอีกหรือไม่?

ถ้ายังประสงค์ยังต้องการท่าน ประชาชนจะต้องเลือกผู้สมัครพรรค รวมไทยสร้างชาติ เป็น ส.ส.อย่างน้อยไม่ต่ำกว่า 25 เสียง เพื่อให้มีสิทธิในการเสนอชื่อบิ๊กตู่เพื่อให้สมาชิกรัฐสภาเลือกเป็นนายกฯ แข่งกับแคนดิเดตท่านอื่นๆ

หรือถ้าจะให้ดีก็ต้องช่วยกันเลือก ส.ส.ในสังกัดพรรครวมไทยสร้างชาติให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้…เพื่อให้มีโอกาสเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลและจูงใจให้พรรคเล็กอื่นๆ อยากเข้ามาร่วมกับท่านและลงคะแนนให้ท่านในช่วงเลือกนายกรัฐมนตรี

ผมเองเป็นห่วงว่าท่านซึ่งเป็นนายกรัฐมนตรีแบบเป็นจริงๆ ในทุกระบบตั้งแต่ก่อนมีรัฐธรรมนูญ 2560 และหลังการใช้รัฐธรรมนูญ 2560 ครบ 8 ปีไปแล้วนั้น ประชาชนจะรู้สึกเบื่อท่านและอาจไม่ลงคะแนนสนับสนุนพรรคที่ท่านเป็นแคนดิเดตมากนัก

จะเป็นผลให้ท่านต้องกลายเป็นนายกรัฐมนตรีสอบตกไปเสียตั้งแต่ต้น เพราะพรรคที่สนับสนุนท่านอาจจะไม่ได้เสียง 25 เสียง พอที่จะเสนอชื่อท่านได้ตามกติกาที่ระบุไว้ในรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน

จึงได้เขียนเอาไว้เมื่อเร็วๆ นี้ว่าผมอยากให้ท่าน “หยุด” เพียงแค่หมดอายุรัฐบาลนี้เท่านั้น เพื่อที่จะลงจากหลังเสืออย่างสง่างาม

ที่สำคัญถึงแม้ท่านจะกลับมาได้อีกจากเสียงเงียบของประชาชนส่วนใหญ่ที่อาจชื่นชมท่านอยู่…แต่เพราะผู้ที่เบื่อท่านแม้จะมีจำนวนน้อยกว่า ทว่าเสียงบ่นเสียงวิจารณ์ของบุคคลกลุ่มหลังนี้มักจะดังกว่าและอาจดังขึ้นกว่าเดิมแรงขึ้นกว่าเดิม จะทำให้ท่านรู้สึกเจ็บตัวเจ็บใจมากกว่าเดิม

ในขณะที่ประชาชนที่รักท่านซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นประชาชนที่ชอบเก็บความรักไว้ในใจ แสดงออกเพียงแค่ไปลงคะแนนให้…เสร็จแล้วก็จะเก็บไว้ในใจคือ ไม่ออกมาช่วยโต้เถียงแทนท่านหรือปกป้องท่าน เมื่อฝ่ายเบื่อท่านวิจารณ์แรงๆ แม้จะไม่ถูกต้องก็ตาม

ดังนั้นด้วยเสียงด่าเสียงวิจารณ์ที่จะดังกว่าเสียงชื่นชม…รวมไปถึงอาจมีบางกลุ่มที่เป็นประชาธิปไตยแค่ปาก แต่เป็นเผด็จการทั้งสมองและเท้าที่มักจะยกขบวนออกมาประท้วงท่านอย่างที่ได้ทำอยู่บ่อยๆ ครั้งในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา อาจจะออกมาอีกด้วยความถี่มากขึ้น จะเป็นผลให้การพัฒนาประเทศเดินหน้าไปได้ยาก

กองเชียร์ไทยแลนด์อย่างผมและเคยผ่านเหตุการณ์ที่ว่าคนไทยเวลาเบื่ออะไรขึ้นมาละก็…จะแสดงความเบื่อออกมาแบบสุดๆ และไม่ฟังเหตุฟังผลอะไรทั้งสิ้น จึงรู้สึกห่วงใยและเห็นว่าหากท่านจะอำลาเวทีเพียงเท่านี้ อาจจะเป็นผลดีแก่ประเทศโดยรวมมากกว่า

แต่เมื่อท่านยังตัดสินใจสู้ต่อ ผมก็เคารพการตัดสินใจของท่าน

เพราะตระหนักดีว่าที่ท่านตัดสินใจเช่นนี้ทั้งๆ ที่รู้ว่างานข้างหน้าเหนื่อยแน่ โดนด่าหนักแน่นั้นท่านคงตัดสินใจอย่างรอบคอบด้วยความรัก ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ โดยแท้จริง คงมิใช่ตัดสินใจด้วยความหลงอำนาจอย่างแน่นอน

เนื่องจากที่ผ่านมาก็ไม่เคยเห็นท่านใช้อำนาจในทางที่ผิด เช่น กอบโกยผลประโยชน์เข้าตัวเองแต่อย่างใด และจริงๆ แล้วผมก็ไม่เห็นท่านมีอำนาจอะไรมาก มีแต่ถูกด่าถูกบูลลี่ไม่น้อยแต่ละวันเสียด้วยซํ้า

ในฐานะคนที่นั่งอยู่ตรงนี้และมีโอกาสติดตามการทำงานของท่านมาตลอด 8 ปี ผ่านคณะรัฐมนตรีหลายชุด ผ่านรองนายกฯ เศรษฐกิจหลายท่าน ฯลฯ ผมแอบให้คะแนนท่านค่อนข้างสูง ที่สามารถนำพาประเทศให้ก้าวหน้ามาได้ระดับหนึ่ง ในท่ามกลางวิกฤติโควิด-19 ที่สะเทือนไปทั่วโลก

โดยความเห็นส่วนตัวผมยังชื่นชมและขอขอบคุณที่ท่านได้เสียสละและทุ่มเททำงานมาโดยตลอด

เอาเถอะ ผมคงจะห้ามมิให้ท่านลงสนามต่อมิได้แล้ว เพราะท่านตัดสินใจแล้ว…ก็เอาเป็นว่าทั้งหมดที่ผมเขียนวันนี้เป็นเพียงข้อสังเกตจากผู้สังเกตการณ์ที่ “แก่เพราะกินข้าว เฒ่าเพราะอยู่นาน” คนหนึ่งก็แล้วกันครับ.

“ซูม”

ข่าว, การเมือง, รัฐบาล, นายกรัฐมนตรี, พรรครวมไทยสร้างชาติ, ลุงตู่, ซูมซอกแซก