วันที่ 5 ธันวาคมของทุกๆ ปี เป็นวันสำคัญอย่างยิ่ง สำหรับปวงชน ชาวไทยมาไม่น้อยกว่า 76 ปี นับแต่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในหลวงรัชกาลที่ 9 เสด็จขึ้นครองราชย์ เมื่อ 9 มิถุนายน พ.ศ.2489
เนื่องเพราะพระองค์ท่านทรงพระราชสมภพ เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ.2470 รัฐบาลในอดีตจึงกำหนดให้วันที่ 5 ธันวาคม เป็นวัน “เฉลิม พระชนมพรรษา” นับตั้งแต่ปี 2489 เป็นต้นมา
ผมเกิดเมื่อ พ.ศ.2484 ดังนั้นพออายุย่างเข้า 7-8 ขวบ เริ่มจะจำความได้หนึ่งในเหตุการณ์ที่อยู่ในความทรงจำของผมมาตลอด จึงเป็นเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับวันเฉลิมพระชนมพรรษาเป็นส่วนใหญ่
โดยเฉพาะเพลงพระราชนิพนธ์ต่างๆ ที่เป็นสัญลักษณ์ของวันเฉลิมพระชนมพรรษานั้น ผมได้ยินได้ฟังครั้งแรกทางวิทยุแห่งประเทศไทย ผ่านเครื่องรับวิทยุคลื่นสั้นขนาดใหญ่ของคุณลุง เพื่อนบ้าน ที่มีฐานะร่ำรวยเป็นเจ้าของเครื่องรับวิทยุหนึ่งในไม่กี่เครื่อง ของอำเภอบรรพตพิสัยยุคโน้น
ตอนผมมาเรียนชั้นมัธยมที่ ปากน้ำโพ หรืออำเภอเมืองนครสวรรค์ ช่วงอายุ 12 ปี ทางจังหวัดจะมีการจัดงานใหญ่ที่หน้าศาลากลาง และมีการประดับไฟและประดับธงทิวทั่วตลาดปากน้ำโพ
พวกเราเหล่านักเรียนทั้งชายและหญิงที่สนิทสนมกันจะนัดกันออกมาเป็นกลุ่มๆ ก้อนๆ แล้วก็ปั่นจักรยานดูไฟเฉลิมตั้งแต่หัวตลาดถึงท้ายตลาด จนไปจบที่หน้าศาลากลาง
ต่อมาเมื่อผมเข้ามาเรียนหนังสือในกรุงเทพมหานคร ก็พบว่าวันที่ 5 ธันวาคมของทุกๆ ปี จะมีการเฉลิมฉลองที่ท้องสนามหลวง ซึ่งจะมีการประดับไฟอย่างสวยงามที่นั่นและตลอด 2 ฟากถนนราชดำเนิน
ต่อมาอีก 3 ปีใน พ.ศ.2523 สมาคมผู้อาสาสมัครและช่วยการศึกษา โดย คุณหญิงเนื้อทิพย์ เสมรสุต ได้ประกาศจัดงาน “วันพ่อแห่งชาติ” ขึ้นเป็นครั้งแรกของประเทศไทย ในวันที่ 5 ธันวาคม
คุณหญิงเนื้อทิพย์ชี้แจงเหตุผลว่า “พ่อ” เป็นบุคคลผู้มีพระคุณ และมีบทบาทสำคัญต่อครอบครัว สมควรที่ผู้เป็นลูกจะต้องเคารพเทิดทูนและตอบแทนพระคุณด้วยความกตัญญู ขณะเดียวกันสังคมก็ควรที่จะยกย่องให้เกียรติและรำลึกบุคคลผู้เป็นพ่อควบคู่ไปด้วย
จึงถือเอาวันที่ 5 ธันวาคมของทุกปี ซึ่งเป็นวันเฉลิมพระชนมพรรษาในหลวง ร.9 เป็น “วันพ่อ” มานับแต่ พ.ศ.ที่อ้างถึง
ล่าสุดเมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2560 ภายหลังในหลวงรัชกาลที่ 9 เสด็จสวรรคต เมื่อ 13 ตุลาคม 2559 ก็มีประกาศคณะรัฐมนตรี ว่าด้วยวันหยุดราชการปี 2560 เห็นชอบให้วันที่ 5 ธันวาคมของทุกปี เป็นวันหยุดราชการ เนื่องจากเป็นวันสำคัญของชาติใน 3 ประการ
ได้แก่ “1.วันคล้ายวันเฉลิมพระชนมพรรษาของพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร 2.เป็นวันชาติ และ 3.เป็นวันพ่อแห่งชาติ” เท่ากับว่าวันที่ 5 ธันวาคมของทุกปี จึงยังคงเป็น วันคล้ายวันพระราชสมภพในหลวง ร.9 และเป็น วันชาติ พร้อมกับก็เป็น วันพ่อแห่งชาติ ในวันเดียวกัน
ดังนั้น สิ่งที่ควรทำอย่างยิ่งในวันนี้ก็คือ
1. น้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของในหลวง ร.9 ด้วยการกราบพระบรมฉายาลักษณ์ของท่านในบ้านของเราเอง หรือไปร่วมการจัดงานต่างๆ ที่มีการจัดขึ้นทั้งภาคราชการและเอกชนทั่วประเทศ
2. กราบคุณพ่อของเราที่ยังมีชีวิตอยู่ ทั้งไปกราบด้วยตนเองหรือสื่อสารด้วยวิธีใดวิธีหนึ่ง เพื่อให้ทราบว่าเรายังสำนึกในพระคุณอันล้นเหลือของท่านอยู่เสมอ
3. เนื่องจากวันนี้เป็น วันชาติ ด้วย โปรดรำลึกเสมอว่าชาติของเราคือ “ชาติไทย”…ธงชาติของเราคือ “ธงไตรรงค์” มี 3 สี อันหมายถึงชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์…และที่สำคัญชาติของเรามี “ประวัติ ศาสตร์” อันยาวนานมาก่อนสุโขทัยเป็นราชธานีเสียด้วยซ้ำ
ขอให้เราปฏิบัติตาม 3 ข้อข้างต้นนี้ และหันมารู้รักสามัคคีกัน อย่างเหนียวแน่น เพื่อธำรงรักษาประเทศไทยของเราให้ยั่งยืนและพัฒนาก้าวหน้าสืบไปตราบนานแสนนาน.
“ซูม”