วันนี้เป็นวันแรม 1 ค่ำ เดือน 8 ตามปฏิทินไทย…ตรงกับ “วันเข้าพรรษา” ซึ่งเป็นวันที่พุทธศาสนิกชนชาวไทยให้ความสำคัญมากที่สุดอีกวันหนึ่ง
ที่มาของ “วันเข้าพรรษา” และเทศกาลเข้าพรรษานั้น เป็นที่ทราบกันดีแล้วว่าเกิดขึ้นตั้งแต่สมัยพุทธกาล สืบเนื่องมาจาก “ฤดูฝน” เป็นฤดู ทำนาทำไร่ อันเป็นอาชีพหลักของประชาชนในยุคโน้น พระพุทธองค์จึงทรงดำริให้พระสงฆ์ทั้งนั้นหยุดออกเผยแผ่พระศาสนาไว้ชั่วขณะหนึ่งเพื่อให้ประชาชนทำนาทำไร่กันได้เต็มที่โดยไม่มีใครรบกวน
อีกทั้งการออกเดินไปโน่นมานี่ อาจจะเผลอไปเหยียบย่ำพืชพันธุ์ ธัญญาหารเสียหาย อันจะทำให้ชาวบ้านตำหนิติเตียนและหมดศรัทธา
ขณะเดียวกัน ก็ทรงเห็นว่าช่วงเวลาที่หยุดออกเผยแผ่พระศาสนานี้ พระสงฆ์ควรจะพำนักแรมเป็นประจำ ณ ที่ใดที่หนึ่ง อันเป็นที่เฉพาะของสงฆ์ แล้วก็ใช้เวลาว่างที่มีอยู่ ทบทวนพระธรรมคำสอนต่างๆ ให้แม่นยำ เพื่อประโยชน์ในการเผยแผ่ต่อไปเมื่อฤดูกาลทำนาผ่านพ้นไปแล้ว
เป็นที่มาของการที่พระภิกษุจะต้องอธิษฐาน เพื่อจำพรรษาพำนักอยู่ ณ วัดใดวัดหนึ่ง โดยไม่ไปค้างอ้างแรมที่อื่น เว้นแต่จะมีเหตุผลที่จำเป็นอย่างยิ่ง และขณะเดียวกันก็เป็นช่วงเวลาที่ควรศึกษาหาความรู้จากพระธรรมคำสอนต่างๆให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้มาจนถึงบัดนี้
ผมไม่แน่ใจว่าพุทธศาสนิกชนชาติอื่นๆ จะให้ความสำคัญแก่เทศกาลเข้าพรรษามากน้อยเพียงใด แต่สำหรับของไทยเรานั้น ผมรู้สึกได้ว่าเราให้ความสำคัญมากมาตั้งแต่ผมยังเป็นเด็กๆโน่นแล้ว
คนรุ่นปู่ย่าตายายของผมจะรอคอยวันเข้าพรรษาอย่างใจจดใจจ่อ และจะไปทำบุญถวายข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็นแก่พระภิกษุด้วยความศรัทธาที่มากกว่าการทำบุญในวันพระปกติ
ผู้ใหญ่หลายๆ ท่านก็จะถือโอกาสใช้เทศกาลเข้าพรรษาเป็นเทศกาลฟอกจิตใจและชำระบาปต่างๆ ควบคู่ไปด้วย โดยเฉพาะทางผู้ใหญ่ฝ่ายผู้ชายคือคุณปู่คุณตาทั้งหลายที่เคยติดเหล้างอมแงมอยู่ ก็จะถือโอกาสงดกินเหล้าเป็นเวลา 3 เดือน เพื่อถวายเป็นพุทธบูชา
เกิดเป็นประเพณีงดเหล้าเข้าพรรษาโดยสมัครใจ มาตั้งแต่ผมยังเด็กๆในยุค 60-70 ปีก่อนโน้นแล้วครับ
จนเมื่อสัก 10-20 ปีที่ผ่านมานี้ กระทรวงสาธารณสุขจึงได้นำความตั้งใจอันดีงามของผู้ติดสุราส่วนหนึ่ง และประกาศงดดื่มในเทศกาลเข้าพรรษา…มาเป็น “สโลแกน” เชิญชวนให้ผู้ติดสุราอื่นๆ หันมา “งด” ตามไปด้วยในวงกว้าง
เผอิญผมมีเพื่อนหลายคนที่ปฏิบัติเช่นนี้มาตลอด คือเข้าพรรษาปุ๊บหยุดดื่มทันที ดูเผินๆ น่าเคารพน่านิยมเป็นอย่างยิ่ง
แต่ผมมาพบภายหลังว่า ทันทีที่ถึงวัน “ออกพรรษา” วันแรกเท่านั้น เพื่อนก็หันกลับไปดื่มตามเดิมซะแล้ว แถมดื่มมากกว่าเก่าเสียอีก…เรียกว่า ดื่มเหมือนจะชดเชยที่งดดื่มมา 3 เดือนว่างั้นเถอะครับ
ผมยังหยิบประเด็นนี้มาเขียนล้อกระทรวงสาธารณสุขว่า…ถ้าอย่างนั้น เรามารณรงค์ใหม่ดีไหม…คือชวนให้ดื่มสุราเต็มที่ในเทศกาลเข้าพรรษาดีกว่า เพราะแค่ 3 เดือนเท่านั้น แล้วไปรณรงค์ให้งดดื่มนอกพรรษา ซึ่งมีเวลานานกว่าคือ 9 เดือน…สังคมจึงจะมีกำไร
ก็เป็นการล้อเลียนเล่นๆ ตามสไตล์คอลัมน์นี้เท่านั้น จริงๆแล้วผมเห็นด้วยตลอดกับ “นโยบายงดเหล้าเข้าพรรษา” ของกระทรวงสาธารณสุข เพียงแค่ยังนึกไม่ออกว่าจะเชิญชวนหรือรณรงค์ต่ออย่างไรให้ผู้คนที่งดเหล้าได้ถึง 3 เดือนแล้วนั้น…สามารถงดได้ตลอดชีวิต
สำหรับปีนี้ผมก็ทราบว่า กระทรวงสาธารณสุขได้เริ่มโครงการนี้มาหลายเดือนแล้ว มีการแถลงข่าวและให้สโลแกนของปีนี้ว่า “ปลอดเหล้า ปลอดโรค ปลอดภัย ห่างไกลโควิด-19”
ขณะเดียวกันก็มีการเปิดเว็บไซต์ “ติดเหล้ายัง-ดอทคอม” และ www.stopdrink.com เพื่อเชิญชวนให้นักดื่มทั้งหลายเข้าปรึกษาหารือ หรือร่วมลงนามปฏิญาณตนว่าจะไม่ดื่มตลอดพรรษานี้
กล่าวโดยสรุปผมเห็นด้วยอย่างยิ่งกับความคิด ความเชื่อของพี่น้องประชาชนชาวไทยจำนวนมาก ที่มองว่าเทศกาลเข้าพรรษาเป็นเทศกาลแห่งบุญ และตั้งใจจะทำบุญ หรือทำความดีงามในทุกเรื่องตลอด 3 เดือนนี้…รวมทั้งการงดดื่มสุราที่เราเขียนถึงเป็นพิเศษในวันนี้ด้วย
แต่ก็ขอฝากไว้ว่า การทำบุญหรือทำดีไม่ควรจะทำแค่วันนี้วันเดียว หรือแค่ 3 เดือนของเทศกาลเข้าพรรษาเท่านั้น…ควรทำดีไปทุกๆ วันตลอดชีวิตเราตามคำสั่งสอนของพระพุทธองค์
รวมทั้งการงดดื่มเหล้าด้วยนะครับ ไหนๆ ก็งดได้ตลอดพรรษาแล้วทำไมไม่งดต่อไปชั่วชีวิตเสียเลยล่ะครับ…น้องๆพี่ๆ ปิศาจสุรา?
“ซูม”