พอทราบข่าวว่า Sushiro ซูชิสายพานสุดฮอตอันดับ 1 จากญี่ปุ่น จัดฉลองครบรอบ 1 ปีในไทย โดยเปิดสาขาใหม่ที่ ดิ เอ็มโพเรียม (สาขาที่ 8)
เราที่เก็บตัวอยู่บ้านตลอดช่วงโควิดมาปีกว่าๆ ก็เริ่มรู้สึกว่าอยู่ในถ้ำมานานเกินไปแล้ว เนื่องจากส่วนใหญ่จะซื้อกลับไปทานที่บ้านซะมากกว่า ก็ควรที่จะต้องก้าวออกสู่โลกของ New normal ดูบ้าง
พอดีได้จังหวะที่ทางทีมประชาสัมพันธ์ของศูนย์การค้าดิ เอ็มโพเรียมติดต่อมาว่ามีร้านอาหารญี่ปุ่นมาเปิดใหม่ในห้างอยากชวนมาทาน ทางทีมงานซอกแซกก็เลยตกปากรับคำ และเป็นการออกนอกบ้านมารีวิวร้านอาหารอย่างเป็นทางการครั้งแรกในรอบปี
ร้านที่พูดถึงนี้ก็คือร้าน Sushiro ที่ตั้งอยู่ชั้น 4 ของห้างดิ เอ็มโพเรียม โดยจะเปิด 10.00-22.00 น. (ตามเวลาเปิด-ปิดของห้าง) เพื่อการรีวิวแบบสบายๆ เรารีบไปตั้งแต่ห้างเปิดเลยจ้า เพราะได้ข่าวมาว่าร้าน Sushiro ทุกสาขานั้นเป็นที่นิยมมาก มีคิวยาวหลายสิบคิว อย่างที่สาขาใหม่นี้ก็ไม่แพ้กัน เพราะมีคิวยาวตลอดวันตั้งแต่ตั้งแต่ห้างเปิดไปจนห้างปิดกันเลยทีเดียว โดยเฉพาะช่วงเวลาอาหารอย่างตอนเที่ยง และตอนเย็นนั้นคนรอคิวกันยาวพอสมควร ซึ่งทีมงานซอกแซกอยากแนะนำให้ดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่น “ซูชิโร่” เพื่อจองคิวออนไลน์นะคะ เพราะพอเราไปถึงทางร้านเขาจะแทรกคิวให้เราทันที
วันที่มารีวิวเรามาตั้งแต่ไก่โห่เราเลยมีโอกาสได้เลือกโต๊ะใกล้หน้าต่างเพื่อชมวิวสวนเบญจกิติ ดูรถไฟฟ้าไปด้วยระหว่างเพลิดเพลินกับมื้ออาหารค่ะ
ภายในร้านอบอวลไปด้วยบรรยากาศสไตล์ญี่ปุ่นแท้ๆ กว้างขวาง ไม่อึดอัด โดยในร้านมีความจุ 40 โต๊ะ นั่งได้โต๊ะละ 4 ท่าน มีเก้าอี้เสริมสำหรับเด็กบริการ พนักงานเสิร์ฟกล่าว “อิรัชชัยมาเสะ” เสียงดังฟังชัดแบบร้านในญี่ปุ่นเปี๊ยบจนต้องสะดุ้ง
สำหรับเรื่องราคานั้นจะเริ่มต้นที่จานละ 40 บาท ขอบอกว่าไม่ต้องไปไกลถึงญี่ปุ่นก็ฟินได้ คุณภาพเกินราคาเลยล่ะ เพราะวัตถุดิบสดใหม่มาตรฐานเดียวกับที่ญี่ปุ่น และเสิร์ฟถึงลูกค้าแบบไร้สัมผัส โดยจะมีสายพาน 2 ชั้น ชั้นล่างเป็นซูชิที่เชฟปล่อยมาให้หยิบได้เองตามสะดวก ชอบจานไหนก็รีบหยิบให้ทันนะจ๊ะ ก่อนหยิบสังเกตสีจานสักนิด สีแดงราคา 40 บาท, สีเงิน 60 บาท, สีทองราคา 80 บาท, สีดำราคา 120 บาท
นอกจากนี้ที่ใต้จานซูชิยังจะฝัง IC Chip เอาไว้ เพื่อทางห้องครัวสามารถดูสถิติได้ว่าจานไหนอยู่บนสายพานนานเกิน 350 เมตรก็จะดึงจานนั้นออก เพื่อคงความสดใหม่ของอาหารบนสายพาน
ส่วนชั้นบนใช้ไว้เสิร์ฟเมนูโปรดที่เลือกสั่งได้จากเมนูทางแทปเลตที่ติดอยู่ประจำแต่ละโต๊ะ ซึ่งกดสั่งได้คราวละไม่เกิน 4 จาน
ส่วนเครื่องดื่มอื่นกดสั่งจากหน้าจอแล้วเอาแก้วที่ให้มาเดินไปแจ้งเจ้าหน้าที่ให้กดน้ำที่เคาน์เตอร์ได้ค่ะ หรือถ้าไม่ชอบเครื่องดื่มประเภทต่างๆ ก็สามารถดื่มฟรีชาเขียวร้อน ที่สามารถกดได้ที่โต๊ะเลยค่ะ (ชาเขียวร้อนทานกับซูชิอร่อยๆ มากๆ เลยค่ะ)
ในวันที่ไปรีวิวนั้นเป็นช่วงปลายเมษายน ซึ่งทางร้านมีส่วนผสมพิเศษเฉพาะเดือน เลยทำให้ได้ลิ้มรส “Akashari” ข้าวซูชิที่ผสมน้ำสมสายชูสีแดง ทำให้ข้าวออกสีอมแดงอ่อนๆ ช่วยดึงรสชาติของวัตถุดิบให้อร่อยมากยิ่งขึ้นค่ะ
สำหรับเมนูของที่ร้าน Sushiro นั้นมีมากกว่า 100 เมนู ซึ่งน่าทานทั้งนั้น และเชฟก็จะคิดค้นเมนูใหม่ๆ ออกมาอยู่เสมอด้วยค่ะ ตอนเลือกทานทางทีมงานจึงตัดสินใจเลือกเมนูแนะนำประจำเดือนมาก่อน จากนั้นก็ลองเมนูอื่นๆ ทั้งคาวและหวาน (เมนูประทับใจจะใส่** ไว้นะคะ)
**ฮอกไกโดโฮตาเตะจัมโบ้ (120 บาท) ซูชิหอยเชลล์ฮอกไกโดไซส์บิ๊ก เนื้อเด้ง เต็มคำ
โนโดกุโระย่าง (120 บาท) ซูชิปลากระพงดำโนโดกุโระย่าง
**โอโทโระคัดพิเศษ (120 บาท) ซูชิปลาส่วนท้องที่อร่อยและเป็นไฮไลท์ของปลาทูน่า สีออกชมพูลายหินอ่อน รสนุ่มลิ้น ชุ่มด้วยไขมันดี
**โอโทโระคัดพิเศษย่างซอสโซยุ (120 บาท) ซูชิปลาทูน่าส่วนท้องย่างพอสะดุ้งเคลือบด้วยซอสโซยุ
**อานาโกะเนื้อนุ่มทั้งตัว (120 บาท) ซูชิปลาไหลทะเลรสหวาน เสิร์ฟมาทั้งตัวเลยจ้า
**มากุโระ 3 ชนิด (3 คำ 120 บาท) ซูชิจานเดียวได้ลิ้มรสครบทุกส่วนสำคัญของปลาทูน่าเลยจ้า มีทั้งโอโทโระ, มากุโระ และมากุโระยุกเกะ
**แซลมอน 3 ชนิด (3 คำ 80 บาท) ซูชิแซลมอนที่ถูกใจแซลมอนเลิฟเวอร์แน่นอน
ปลาคินเมะได (80 บาท) ซูชิปลากะพงแดงคินเมะได ออกคาวนิดๆ
ปลาคัมปาจิ (80 บาท) ซูชิปลาสำลีน้ำลึกรสหวาน
อุนางิ (2 คำ 60 บาท) ซูชิปลาไหลน้ำจืดซอสหวาน
มันปู (2 คำ 60 บาท) ข้าวปั้นห่อสาหร่ายมันปูทานคู่กับแตงกวาญี่ปุ่น
**ปูซูไวคานิกุนกังกับมันปู (2 คำ 60 บาท) ข้าวปั้นห่อสาหร่ายมันปูเคียงด้วยเนื้อปูซูไว รสกลมกล่อม
**มินามิมากุโระอาคามิ (40 บาท) ซูชิปลาทูน่าบลูฟินส่วนกลางลำตัว สีออกแดงเข้ม เนื้อแน่น รสเข้ม
โอโทโระ (40 บาท) ซูชิปลาส่วนท้องที่อร่อยและเป็นไฮไลท์ของปลาทูน่า
Jumbo shrimp (40 บาท) ซูชิกุ้งใหญ่ติดเนื้อส่วนหัว
มากุโระแรร์สเต๊ก (40 บาท) ซูชิปลาทูน่าจี่ขอบปรุงรสด้วยเกลือและพริกไทยดำ
มากุโระกับต้นหอม (2 คำ 40 บาท) ข้าวปั้นห่อสาหร่ายปลาทูน่าสับ
**แซลมอนคัดพิเศษซอสหมาล่า (2 คำ 40 บาท) มองน่าทานแถมยังอร่อยมากด้วยค่ะ
**เนื้อคารูบิซอสเกลือ (2 คำ 40 บาท) ซูชิเนื้อวัวติดมันย่างซอสเกลือรสเข้ม
**ซุปมิโซะหอยลาย (60 บาท) ซุปเต้าเจียวที่มีหอยลายเต็มชาม อร่อยจนต้องยกซดเลยค่ะ
**สลัดแซลมอน (80 บาท) สลัดซอสสไปซี่นิดๆ ท้อปปิ้งด้วยแซลมอนสดและไข่ปลาแซลมอน อร่อยลงตัว
**ทาโกะคาราอาเกะ (120 บาท) ปลาหมึกชุบแป้งทอดที่เคี้ยวหนึบ ทานเพลิน
**กุ้งเทมปุระทั้งตัวรสยูสุโคโซ (120 บาท) จานนี้เยี่ยมรสกลมกล่อมในตัว
**ไข่ตุ๋น (60 บาท) ไข่ตุ๋นซีฟู้ดเนื้อนุ่ม เครื่องแน่น ครบทั้งกุ้ง ปลา ปลาหมึก และหอย
**กาโต้ช็อคโกแลตบราวนี่ (120 บาท) เค้กช็อคโกแลตบราวนี่รสเข้ม เสิร์ฟพร้อมไอศกรีมวนิลา โรยหน้าด้วยน้ำตาลอ้อยและซอสช็อคโกแลต
เมนูที่ว่ามาทั้งหมดนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของทางร้านเท่านั้นนะคะ เราพยายามลองให้หลากหลายมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะทานไปทานมาจานเริ่มซ้อนจนสูงจะท่วมหัวแล้ว 55 มื้อนี้อิ่มจุกเพราะทานข้าวไปแน่นท้องมากค่ะ นี่ถ้ามีเมนูซาซิมิเพิ่มมาละก็ได้ซ้อนจานสูงท่วมหัวแน่นอน
ก่อนจบทีมงานซอกแซกขอฟันธง!! ว่าร้าน Sushiro นี้อร่อยและได้คุณภาพมาตรฐานเดียวกับที่ญี่ปุ่นชัวร์ๆ ด้วยการันตีจากการที่คนญี่ปุ่นมาทานมื้อเที่ยงกันเต็มร้านเลยค่ะ เพราะทฤษฎีของทีมงานเรามีอยู่ว่าร้านอาหารในต่างแดนของชาติไหนที่มีคนชาตินั้นไปทานอย่างล้นหลาม แสดงว่าร้านอาหารนั้นต้องอร่อย และได้รสชาติแบบดั้งเดิม
ส่วนตอนเช็คบิลก็อย่าลืมเรียงจานไว้ริมโต๊ะฝั่งทางเดิน แล้วสักพักพนักงานก็จะเดินมาใช้เครื่องคำนวณที่มีลักษณะเหมือนเครื่องตรวจโลหะก่อนขึ้นเครื่องบิน มาวนขึ้นลงรอบๆ จาน และก็ปริ้นใบราคามาให้เราเดินไปจ่ายเงินที่เคาท์เตอร์หน้าร้านค่ะ
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ โทร. 02-019-3099
ปล. ถ้ามีเด็กไปทานด้วยควรให้เด็กนั่งห่างจากแทปเลต เพราะในระหว่างที่คุณกำลังเพลิดเพลินอยู่กับการมองว่าจะทานซูชิอะไรดีที่ไหลผ่านไปผ่านมาบนสายพาน บุตรหลานของคุณอาจจะคิดว่าเป็นของเล่น แล้วกดสั่งอาหารเองโดยคุณไม่ทันระวัง อาจจะทำให้คุณได้อาหารแบบเดียวกันมาหลายจานเกิน ซึ่งไม่สามารถคืนได้
a_U_m แคลอรี่ลั้นลา
#sushiro #sushirothailand #ซูชิโร่ #ซูชิสายพาน #ดิ เอ็มโพเรียม