เสียง “เรียกร้อง” จากชาวโลก ยุติ “สงคราม” รัสเซีย-ยูเครน

ขณะที่ผมนั่งเขียนต้นฉบับวันนี้ ย่างเข้าสู่วันที่สามของการบุกเข้ายูเครนของกองกำลังรัสเซีย และเว็บไซต์บีบีซี ซึ่งรายงานสดเป็นตัวอักษรทุกๆ 2-3 นาที พาดหัวว่า กองกำลังส่วนหนึ่งของรัสเซียเคลื่อนมาถึงชานกรุงเคียฟแล้ว

มีการต่อสู้อย่างดุเดือดของทหารฝ่ายยูเครนร่วมกับประชาชนติดอาวุธ ทำให้คาดว่ารัสเซียคงจะยึดกรุงเคียฟเมืองหลวงของยูเครนไม่ได้ง่ายๆ นัก

บีบีซีรายงานด้วยว่า เฟซบุ๊กของฝ่ายยูเครนระบุว่าสามารถสังหารทหารรัสเซียได้แล้วกว่า 3,500 ศพ และจับเป็นได้อีก 200 คน รวมทั้งยิงเครื่องบินรัสเซียตกไป 14 ลำ เฮลิคอปเตอร์ 8 ลำ และสามารถทำลายรถถังรัสเซียได้ถึง 102 คัน ในช่วง 3 วันของการถูกรุกราน

ในขณะที่ฝ่ายรัสเซียยังนิ่งเฉยอยู่ ไม่ได้แถลงอะไรมากนัก…มีแต่เสียงปืนและเสียงระเบิด รวมทั้งจรวดที่ระดมยิงเข้าใส่เคียฟตลอดทั้งคืน และเงียบไปเมื่อรุ่งเช้า

นั่นก็คือสถานการณ์ล่าสุด เมื่อบ่ายวันเสาร์ที่ 26 กุมภาพันธ์ ตามเวลาบ้านเรา…ส่วนว่าเมื่อถึงเวลาไทยรัฐฉบับนี้วางตลาดในเช้าวันจันทร์ที่ 28 กุมภาพันธ์ เหตุการณ์จะดำเนินไปถึงไหน คงต้องติดตามจากข่าวล่าสุดกันเอาเองนะครับ

โดยส่วนตัวผมเองไม่อยากเห็นการต่อสู้ ไม่สนับสนุนการทำสงครามและการใช้กำลัง และอาวุธประหัดประหารชีวิตมนุษย์ด้วยกันทุกกรณี…ภาวนาขอให้เหตุการณ์จบลงด้วยดีและโดยเร็วเท่าที่จะเร็วได้
วิกฤติรัสเซีย-ยูเครนติดตาม

ผ่านการเจรจา การพูดคุย หรือที่เรียกว่าวิธีทางการทูต ดังที่ผู้รักสันติภาพทั่วโลกร่วมกันขอร้อง
นอกจากจะเป็นอุดมคติและความเชื่อของผมมาแต่ไหนแต่ไรในเรื่องต่อต้านการทำสงคราม และความรุนแรงทุกรูปแบบมาโดยตลอดแล้ว

สำหรับ 2 ประเทศนี้ ผมยังมีความรู้สึกที่ดี และชื่นชอบในหลายๆ สิ่ง หลายๆ อย่างเป็นพิเศษอีกต่างหาก
ผมเคยไปทัวร์รัสเซียมาแล้ว และกลับมาเขียนถึงในคอลัมน์ซอกแซกอยู่หลายสัปดาห์ด้วยความประทับใจ…ส่วนยูเครนแม้จะยังไม่เคยไป แต่ก็เคยดำริว่า ถ้ามีโอกาสก็อยากไป และเคยเตรียมหาข้อมูลที่จะซื้อตั๋วทัวร์ไปเที่ยวกับเพื่อนๆ แล้วด้วยซํ้า

เมื่อวานนี้ในฉบับวันอาทิตย์ก็เพิ่งเขียนถึง “อุโมงค์แห่งความรัก” ที่เมือง เคลเวน ของยูเครน ที่รํ่าลือกันว่าสวยมาก

ด้วยเหตุผลเพิ่มเติมในเรื่องความสวยงาม และความน่ารัก น่าเที่ยว น่าศึกษา และน่าสัมผัสของทั้ง 2 ประเทศดังที่กล่าวมานี้ ก็ยิ่งทำให้ผมต้องภาวนาเพิ่มเป็น 2 เท่า เพื่อให้การสู้รบยุติลงโดยเร็ว ไม่อยากเห็นของสวยๆ งามๆ ไม่ว่าจะเป็น “อุโมงค์แห่งความรัก” หรือตึกราม บ้านเรือน ที่มีลักษณะโบราณ สวยงาม อายุหลายร้อยปีต้องมาเสียหายพังทลายลงไปว่าอย่างนั้นเถิด

อะไรไม่อะไร…ถ้าจะว่าไป กรุง เคียฟ เมืองหลวงของยูเครน กับกรุง มอสโก เมืองหลวงของรัสเซีย ก็เหมือนเมืองพี่เมืองน้อง ดูจากแผนที่แล้วอยู่ใกล้กันมาก ควรจะรักใคร่กันไว้

ผมเข้าไปถาม “อากู๋” กูเกิลว่า 2 นครหลวงนี้อยู่ห่างกันแค่ไหน…ได้รับคำตอบอย่างละเอียดมากจาก 2-3 เว็บไซต์ ว่าอยู่ห่างกันด้วยระยะทาง 755 กิโลเมตร หรือ 469 ไมล์เท่านั้นเอง

ระยะทางดังกล่าวนี้ถ้าเดินทางด้วยเครื่องบินจะใช้เวลา 57 นาที ด้วยเฮลิคอปเตอร์ 3 ชั่วโมง 25 นาที และด้วยนกพิราบสื่อสารก็จะอยู่ที่ 10 ชั่วโมง 47 นาที

ผมเห็นข้อมูลเหล่านี้แล้วก็ถึงบางอ้อว่าทำไมรัสเซียถึงได้กลัวหนักหนา ที่ยูเครนคิดอ่านจะไปสมัครเป็นสมาชิกนาโต

เพราะหากยูเครนเป็นสมาชิกนาโตแล้วยอมให้พี่เบิ้มของนาโตมาตั้งอาอาวุธยุทโธปกรณ์ในยูเครนได้…สมมติว่ามาอยู่แถวๆ กรุงเคียฟที่ว่า

ด้วยข้อมูลของกูเกิล…จากเคียฟถึงมอสโก โดยเครื่องบิน โดยเฮลิคอปเตอร์ หรือแม้แต่โดยนกพิราบสื่อสารดังกล่าวข้างต้น…ฝ่ายมอสโกก็คงคำนวณแล้วล่ะว่า ถ้าเป็น “จรวด” หรือ “ขีปนาวุธ” ซึ่งรวดเร็วกว่ามากจะใช้เวลากี่นาที?

คุณปูตินถึงได้ประกาศแล้วประกาศอีกว่า ท่านยอมไม่ได้

แต่ในที่สุดก็คงต้องยอมกันบ้างนะครับในความเห็นผม จะถอยหลังคนละกี่ก้าวก็ว่ากันไป…หาทางยุติสงครามนี้โดยเร็ว

หันมาจับมือกันแก้ปัญหาเศรษฐกิจที่กำลังทรุดเพราะโควิด-19 ซึ่งเป็นปัญหาที่หนักหน่วงที่สุดของโลกในขณะนี้กันดีกว่าครับ.

“ซูม”

ข่าว, รัสเซีย, ยูเครน, สงคราม, จรวด, ขีปนาวุธ, โควิด 19, ซูมซอกแซก