เมื่อ 2 วันก่อนผมฟังข่าววิทยุบอกว่า ประเทศไทยของเราติด อันดับที่ 11 ของโลก ในฐานะประเทศที่น่าใช้ชีวิตหลังเกษียณ จากการสำรวจนิตยสารระดับโลกฉบับหนึ่งก็อดตื่นเต้นเสียมิได้
โดยเฉพาะในการขยายความของข่าวดังกล่าวนี้ ที่รายงานต่อมาว่าเราเป็นที่ 11 ของโลกก็จริง แต่เป็นอันดับที่ 1 ของประเทศในเอเชียเลยทีเดียว
พอถึงบ้านผมก็ลองไปค้นหาต้นตอของข่าวก็พบว่า เมเนเจอร์ ออนไลน์ เป็นสื่อที่นำเสนอรายงานฉบับนี้ก่อนเพื่อนเมื่อบ่ายๆ ของ
วันจันทร์ที่ผ่านมา โดยอ้างอิงนิตยสาร International Living ที่ได้เผยแพร่ผลสำรวจเอาไว้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม
จากตารางเว็บไซต์ของนิตยสารฉบับดังกล่าวพบว่า ประเทศที่น่าใช้ชีวิตหลังเกษียณมากที่สุด ได้แก่ ปานามา (86.1), 2.คอสตาริกา (85.1), 3.เม็กซิโก (83.8), 4.โปรตุเกส (83.3) และ 5.เอกวาดอร์ (81.7)
สำหรับของไทยเราซึ่งเป็นที่ 11 ของโลก และที่ 1 ของเอเชียนั้น ได้คะแนนเฉลี่ย 72.9 เอาชนะประเทศเอเชียด้วยกันที่อยู่ถัดจากเราไป ได้แก่ กัมพูชา (72.3), มาเลเซีย (72), ศรีลังกา (68.9) ฯลฯ
เหตุผลหลักๆ ที่ทำให้ประเทศไทยได้คะแนนและอันดับค่อนข้างสูง เช่นนี้ โดยสรุปก็คือประเทศไทยมีอากาศดี อาหารอร่อย ค่ารักษาพยาบาลไม่แพงจนเกินไป และคนไทยเป็นมิตรกับชาวต่างชาติ
ในรายละเอียดยังระบุอีกว่า กรุงเทพมหานคร, เชียงใหม่ และหัวหิน คือหนึ่งในเมืองที่ได้รับความนิยม
สำหรับการใช้ชีวิตหลังเกษียณมากที่สุด และประเมินว่าคนโสดนั้นสามารถที่จะใช้ชีวิตอยู่ในประเทศไทยได้อย่างสบายๆ ด้วยเงินเพียง 1,000 เหรียญสหรัฐฯต่อเดือน และค่าอพาร์ตเมนต์ก็อยู่ที่ประมาณ 400-500 เหรียญสหรัฐฯ ต่อเดือนเท่านั้น
ถามว่าผมดีใจไหมที่ทราบว่าประเทศไทยของเราติดอันดับโลกเมืองเกษียณที่น่าอยู่เช่นนี้? ก็ต้องตอบว่าดีใจละครับ
เพราะแสดงว่าบ้านเราต้องมีอะไรดี ผู้คนต่างประเทศเขาถึงได้ชอบและอยากมาใช้ชีวิตในยามเกษียณดังที่เป็นข่าว
ที่สำคัญ การที่เขามาอยู่มาอาศัย อย่างน้อยก็ต้องเอาเงินมาใช้เดือนละ 1,000 เหรียญ ซึ่งก็จะเป็นประโยชน์แก่เจ้าของบ้านเช่า เจ้าของอพาร์ตเมนต์ และพ่อค้าแม่ค้า ร้านอาหาร ร้านเครื่องดื่ม ฯลฯ ในบ้านเราไม่มากก็น้อย
เท่าที่ผมติดตามมาพอสมควร พบว่าประเทศไทยเราติดอันดับสูงๆที่ผู้เกษียณอายุอยากมาอยู่อาศัยมาหลายปีแล้ว
นอกจากนิตยสาร International Living ที่ว่า…นิตยสาร US News & World Report ก็เคยจัดให้ประเทศไทยอยู่ในอันดับ 20 ของประเทศที่เหมาะสำหรับการใช้ชีวิตยามเกษียณของชาวต่างประเทศมาก่อนแล้วรวมทั้งอีกหลายๆ นิตยสารการท่องเที่ยว หรือนิตยสารทางการเงิน ก็เคยจัดเราไว้ในอันดับท็อป 10 ท็อป 20 เช่นกัน…ผมจำไม่ได้แล้วว่านิตยสารอะไรบ้าง
ที่น่าสนใจและจะต้องระวังไว้ก็คือ ในการจัดอันดับของบางนิตยสาร ปรากฏว่าประเทศที่เคยได้อันดับเหนือเราในเอเชีย ก็คือ มาเลเซีย นี่เอง และระยะหลังๆ ก็จะมี เวียดนาม และ กัมพูชา ตามมาด้วย
ทำอย่างไรเราจะช่วยกันรักษาระดับสูงๆ ของเราไว้ได้ตลอดไป?
คำตอบก็คือถ้าเราดูจากการให้คะแนนนอกจากเรื่องค่าครองชีพ หรือบริการต่างๆ ราคาถูกแล้ว ที่เขาให้คะแนนเราสูงมากอีกประการหนึ่งก็คือ “ความเป็นมิตร” กับคนต่างชาตินั่นเอง
เราจะต้องช่วยกันรักษาคุณสมบัติอันสำคัญที่สุดข้อนี้ไว้ให้ได้
อย่าให้เกิดกรณีที่เกิดบ่อยๆในระยะหลังๆ ได้แก่ การฆ่าหรือข่มขืน นักท่องเที่ยว หรือไปหลอกลวงเขาไปเอารัดเอาเปรียบเขาต่างๆ
อาจจะไม่มากนักเพียงแค่ไม่กี่รายเท่านั้น…แต่เรื่องที่เกิดมักหนักหน่วงและเป็นข่าวสะเทือนขวัญคนทั้งโลก เกิดขึ้นทีไรกว่าจะ
ช่วยกันดึงภาพลักษณ์อันดีงามกลับมา หรือทำให้ชาวโลกลืมเรื่องร้ายๆจากเรา…ก็เหนื่อยพอสมควร
ที่สำคัญอย่าลืมว่าเพื่อนบ้านเราเขาก็ลงสนามแข่งด้วย โดยเฉพาะ “มาเลเซีย” มาแรงมาก…เขาติดอันดับประเทศน่าเที่ยวน่าอยู่ในการสำรวจของสำนักต่างๆ…สูงกว่าเรามาก่อนแล้วด้วยซํ้า…อย่าประมาทประเทศเพื่อนบ้านเรานะครับ ขอบอก!
“ซูม”