ในห้องพระเล็กๆ ที่บ้านผมนั้นจะมีมุมอยู่มุมหนึ่ง ที่ผมอัญเชิญพระรูปจำลองขององค์พระสยามเทวาธิราชมาประดิษฐานไว้…แยกออกต่างหากจากพระพุทธรูปต่างๆ ที่ผมอัญเชิญไว้บนชั้นกลางห้อง…เพื่อความสะดวกในการกราบไหว้บูชา
ผมตระหนักดีว่าพระสยามเทวาธิราชทรงเป็น “เทวา” หรือเป็น “เทพ” ที่ทำหน้าที่ปกปักรักษาดูแลประเทศไทยทั้งประเทศ จึงได้ประดิษฐานท่านแยกไว้เพื่อจะเข้าไปกราบอย่างสะดวกในห้วงเวลาที่มีความเดือดเนื้อร้อนใจในระดับประเทศ หรือในระดับที่จะกระทบกระเทือนถึงประชาชนชาวไทยโดยรวมเกิดขึ้น
ผมไม่แน่ใจว่าผมได้รับรูปปั้นจำลององค์พระสยามเทวาธิราชองค์นี้ มาตั้งแต่เมื่อใด และจากใคร? แต่จำได้ว่าผมได้มาก่อนเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 แน่นอน…เพราะในวันที่เกิดเหตุการณ์สับสนอลหม่าน “14 ตุลาคม” ของ พ.ศ.นั้น ผมได้เข้าไปกราบไหว้ขอพรท่านให้ทรงปกปักรักษาประเทศไทย และขอให้เหตุการณ์ผ่านไปด้วยดีด้วยเถิด…
ลงท้ายก็เข้าทำนอง “ไม่เชื่ออย่าลบหลู่” นั่นแหละครับ เพราะในที่สุดทุกสิ่งทุกอย่างก็จบลงได้อย่างเหนือคาดหมาย แม้จะต้องสูญเสียชีวิตและเลือดเนื้อคนไทยไปจำนวนหนึ่งก็ตาม
หลังจากนั้นไม่นาน ไม่แน่ว่า พ.ศ.ใด เขมรแดงเข้ายึดอำนาจ รัฐบาลฝ่ายขวาของประธานาธิบดีลอนนอลไว้ได้ มีการสังหารหมู่มากมาย และชาวกัมพูชาต่างก็หนีตายเข้าไปสู่ประเทศไทย หลายหมื่นหลายแสนคนแน่นชายแดนด้านตะวันออกของประเทศ
พวกเราที่ไทยรัฐนั่งรถไปดูเหตุการณ์ที่สระแก้ว เห็นภาพเขมรอพยพเต็มท้องทุ่งท้องนาแล้วก็รู้สึกใจหาย ว่าถ้าเราพ่ายแพ้แก่กองทัพคอมมิวนิสต์ในประเทศไทยบ้าง พวกเราจะอพยพไปประเทศไหนหนอ?
กลับมาคืนนั้นก็เป็นอีกคืนหนึ่งที่ผมเข้าห้องพระและกราบไหว้ขอพรพระสยามเทวาธิราชให้ทรงคุ้มครองและปกปักรักษาประเทศไทย
แล้วปาฏิหาริย์ก็เกิดขึ้นอีกครั้ง เมื่อรัฐบาลไทยยุคป๋าเปรมออกคำสั่ง สำนักนายกรัฐมนตรี 66/2523 ให้นักรบในป่าวางอาวุธมาช่วยพัฒนาประเทศ…พร้อมๆ กับระบอบคอมมิวนิสต์ในระดับโลกก็ล่มสลายไปด้วย
แต่ก็อย่างว่าแหละประเทศไทยมักเข้าทำนอง “บุญมีแต่กรรมบัง” อยู่เสมอ…กำลังจะพัฒนาประเทศไปได้ดีๆ ก็มามีเหตุขัดแย้งทางการเมืองถึงขั้นเกิดจลาจล เกิดความไม่สงบอีกหลายๆ ครั้งในยุคกีฬาสี
ช่วงหลังๆ ผมไม่ได้กราบขอพรท่านอีกเลยเพราะเกรงใจท่านที่คนไทยเรายังคงทะเลาะกันด้วยเรื่องที่ไม่เป็นเรื่องอยู่ตลอด
แต่ท่าน (พระสยามเทวาธิราช) ก็ยังทรงนำหน้าที่ของท่านอย่างสม่ำเสมอช่วยดลบันดาลให้ประเทศไทยเราผ่านเหตุการณ์ต่างๆมาได้ในที่สุด…
จนกระทั่งเมื่อ 2 วันที่ผ่านมานี้เอง ผมได้ตัดสินใจเข้ากราบไหว้ขอพรขอความเมตตาจากพระสยามเทวาธิราชอีกครั้งหนึ่ง
หลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยว่าการชุมนุมของ 3 แกนนำม็อบ ณ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต พร้อมยื่นข้อเสนอ 10 ข้อนั้น…เข้าข่ายล้มล้างการปกครองและขัดต่อรัฐธรรมนูญ
แม้ผมจะเห็นด้วยทุกประการกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญและโดยส่วนตัวก็ได้เขียนแสดงความไม่เห็นด้วยและคัดค้านการชุมนุมของม็อบราษฎรและม็อบต่างๆ ที่เกิดขึ้นราวดอกเห็ดในช่วงเวลาที่ผ่านมาโดยตลอด
แต่ผมก็ไม่แน่ใจว่าการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญครั้งนี้จะก่อให้เกิดผลกระทบไปในทางใดทางหนึ่งหรือไม่
เพราะฝ่ายที่เขาไม่เชื่อ และไม่ยอมรับ…เขาก็จะไม่เชื่อและไม่ยอมรับอยู่ดี แถมจะออกมาต่อต้านรุนแรงยิ่งขึ้น
สิ่งที่ผมกราบไหว้วิงวอนต่อพระสยามเทวาธิราชก็คือ…ขอพระองค์ท่านจงช่วยดลบันดาลให้ทุกสิ่งทุกอย่างจงผ่านไปด้วยดีอีกครั้งหนึ่งเถิด
มีทางใดที่จะดลใจให้ผู้ประท้วง ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นคนรุ่นลูกรุ่นหลาน…บังเกิดความรู้ซึ้งถึงคุณค่าของความรักความสามัคคี และธำรงไว้ซึ่งสถาบันหลักของประเทศ ก็ขอได้โปรดดลใจด้วย
ที่ผ่านมาพระองค์ท่านทรงมีเมตตาดลบันดาลให้ประเทศไทยผ่านวิกฤติผ่านเภทภัยนานามาโดยตลอดดังตัวอย่างที่ลูกช้างได้เขียนไว้
ขออีกสักครั้งเถิดครับ…ขอให้ประเทศไทยผ่านเหตุการณ์ครั้งนี้อย่างสงบและสันติ…เพื่อลูกช้าง(คนเขียนคอลัมน์นี้)ที่อายุมากแล้ว จะได้นอนตาหลับหมดห่วงหมดใยในประเทศไทยของเราเสียที.
“ซูม”