ย่างเข้าสู่สัปดาห์ที่ 4 ของการ “เที่ยวทิพย์” สถานที่ท่องเที่ยวแห่งความทรงจำ โดยทีมงานซอกแซกแล้วนะครับ…ท่านที่ติดตามมาตลอดคงจะพอจำได้ว่าเรารำลึกความหลังกันไปแล้ว 5 สถานที่ เรียงตามลำดับของความประทับใจจากอันดับที่ 1 ลงมาถึงอันดับที่ 5 เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
สัปดาห์นี้จะว่ากันถึงอันดับที่ 6 ครับ ซึ่งในตอนแรกตั้งใจจะควบอันดับที่ 7 ไปด้วยเลย จะได้เข้าใกล้เป้าหมาย 10 อันดับที่เราตั้งใจไว้โดยเร็ว
แต่พอไปเปิดข้อมูลของอันดับ 6 อันได้แก่ “เมืองสามหมอก” หรือจังหวัด แม่ฮ่องสอน เข้าเท่านั้นแหละ ต้องเปลี่ยนใจขอเขียนถึงเพียงอันดับเดียว คือเรื่องของแม่ฮ่องสอนล้วนๆเลยดีกว่า
เพราะเป็นหนึ่งในจังหวัดที่ประทับใจมาก และมีความหลังอยู่มากพอสมควร หลายๆเรื่องหลายประเด็นจะตัดทิ้งก็เสียดายว่างั้นเถอะ
แต่ก่อนจะว่ากันถึงอันดับ 6 ก็ขออนุญาตทบทวนอันดับ 1 ถึง 5 กันอีกครั้ง ท่านผู้อ่านที่มิได้ติดตามมาตั้งแต่ต้นจะได้ทราบว่าสถานที่ท่องเที่ยวในดวงใจของทีมงานซอกแซกมีอะไรบ้าง? และตรงกับใจที่ท่านคิดไว้หรือไม่? อย่างไร?
สรุปก็คือ อันดับ 1 ที่เราประทับใจสูงสุดได้แก่ อุทยานแห่งชาติอ่าวพังงา, อันดับ 2 ก็คือ ดอยแม่สลอง+ดอยตุง จังหวัดเชียงราย, อันดับ 3 เขื่อนภูมิพล+อ่างเก็บนํ้าดอยเต่า, อันดับ 4 แสงแรกแห่งสยามที่โขงเจียม จังหวัดอุบลราชธานี อันดับ 5 แสงสุดท้ายของประเทศไทยที่แหลมพรหมเทพ จังหวัดภูเก็ต
จากนี้ไปเก๊าะเข้าสู่เรื่องราวของอันดับ 6 “แม่ฮ่องสอน” หรือ “เมืองสามหมอก” เลยครับ…
หัวหน้าทีมซอกแซกไปสัมผัส “เมืองสามหมอก” ครั้งแรกเมื่อเดือนธันวาคมประมาณปี 2521-2522 อันเป็นช่วงเวลาแรกๆของการออกเดินสายเก็บข้อมูลเกี่ยวกับความเป็นอยู่ของพี่น้องชนบทไทย ซึ่งจะมุ่งไปสู่จังหวัดยากจนและห่างไกลมากกว่าจังหวัดอื่นๆ
พวกเราออกจาก กทม.ด้วยรถแลนด์โรเวอร์ตั้งแต่เช้าไปถึงเชียงใหม่ช่วงเย็นๆ หยุดพักค้างเอาแรงเสียหนึ่งคืนก่อน
รุ่งเช้าออกจากเชียงใหม่สู่แม่ฮ่องสอนด้วยทางหลวงหมายเลข 108 ซึ่งเป็นเส้นทางสายเดียวเท่านั้นสำหรับ พ.ศ.2522…เราล้อหมุนตั้งแต่ 6 โมงเช้า ผ่านหางดง, สันป่าตอง, จอมทอง และ อ.ฮอด เพื่อเข้าสู่แม่ฮ่องสอนที่ อ.แม่สะเรียง แล้วก็ไปเรื่อยๆ ผ่าน อ.แม่ลาน้อย และ อ.ขุนยวม ไปถึง อ.เมืองแม่ฮ่องสอน ช่วงหัวคํ่าพอดิบพอดี
ใช้เวลาเดินทางร่วมๆ 12 ชั่วโมง หยุดแวะสัมภาษณ์ท่านนายอำเภอ ท่านพัฒนาการอำเภอบนเส้นทางมาโดยตลอด 349 กิโลเมตรจากจังหวัดเชียงใหม่
ตื่นตาตื่นใจระคนระทึก ใจในหลายครั้ง ขณะที่แลนด์โรเวอร์ครํ่าคร่าแต่ยังแข็งแกร่งของเราเลาะเลี้ยวไปตามโค้งต่างๆ ของหุบเขาที่เรามาทราบภาย หลังว่ามีมากถึง 1,864 โค้ง
คืนแรกที่ไปถึงเราแวะรับประทานอาหารคํ่าง่ายๆ ข้างโรงแรมแล้วรีบขึ้นนอน เพื่อที่จะลุกตื่นแต่เช้าเพื่อออกลุยสำรวจอำเภอต่างๆ…จึงไม่ได้เห็นอะไรในตัวเมืองมากนัก
เรารู้สึกแต่เพียงว่าแม่ฮ่องสอนในเดือนธันวาคมอากาศเย็นยะเยือกจนเสื้อกันหนาวที่เราเตรียมมาแทบไม่พอ และก็จำได้ว่าโรงแรมที่เราพักนอนจัดเตรียม “นํ้าอุ่น” มาให้เราอาบเพียงถังเดียวเท่านั้น เพื่อให้เราผสมกับนํ้าเย็นที่จะไหลจากก๊อกเพื่อใช้อาบก่อนนอน…หมดแล้วหมดเลย…และจะไม่มีในช่วงเช้า
แปลว่าวันรุ่งขึ้นเราจะต้อง “ซักแห้ง” ทำได้แค่ล้างหน้าล้างตา แล้วก็ออกไปลุยอำเภอต่างๆ จนคํ่าค่อยมาอาบนํ้าผสมนํ้าอุ่นที่จะมีให้ 1 ถังก่อนนอนเช่นเคย
อยู่ 3 คืน 3 วัน เก็บข้อมูลมาได้เพียบ รวมทั้งได้พบกับคุณหมอนักพัฒนาชนบทท่านหนึ่งยังจำชื่อท่านได้จนถึงบัดนี้…คุณหมอ ปรีชา ดีสวัสดิ์ ครับ…เป็นหมอชนบทที่อุทิศตนอย่างมาก จบหมอเกียรตินิยมอันดับ 1 จากคณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ และจบโทจากมหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์
แทนที่จะเลือกรักษาคนกรุง ท่านกลับเลือกไปเป็นหมอชนบทจนได้ขึ้นมาเป็นนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดแม่ฮ่องสอนในวันที่หัวหน้าทีมไปลุยแม่ฮ่องสอน…ต่อมาท่านย้ายไปเป็นนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่อีกพักหนึ่งค่อยเข้ากรุง และเกษียณอายุด้วยตำแหน่งรองปลัดกระทรวงสาธารณสุขในที่สุด
จากความประทับใจแม่ฮ่องสอนครั้งแรกใน พ.ศ.ดังกล่าว หัวหน้าทีมมีโอกาสกลับไปอีกหลายครั้ง ทั้งไปทำงานและไปท่องเที่ยว…มีอยู่คราวหนึ่งขึ้นไปค้างบนดอย ปางอุ๋ง หรือ โครงการในพระราชดำริปางตอง 2 (ปางอุ๋ง) ซึ่งเป็นทะเลสาบน้ำจืด บนภูเขาสวยงามเหลือเกิน เห็นแล้วก็นึกถึงเทือกเขาและลำธารที่รัฐโคโลราโดที่หัวหน้าทีมเคยไปเรียน หนังสือตอนหนุ่มๆขึ้นมาติดหมัด
ขอบอกว่าแม่ฮ่องสอนเป็นจังหวัดหนึ่งที่หัวหน้าทีมซอกแซกอยากกลับไปเที่ยวมากหลังโควิด-19 และถ้าเป็นไปได้คราวนี้จะขอไปโดยใช้เส้นทางสายที่ 2 ที่เพิ่งจะสร้างขึ้นในภายหลัง และหัวหน้าทีมยังไม่เคยใช้สายนี้
ได้แก่ทางหลวงหมายเลข 1095 ซึ่งถ้าออกจากเชียงใหม่ก็จะไปที่แม่แตง เข้าสู่ อ.ปาย, อ.ปางมะผ้า แล้วก็ถึง อ.เมืองแม่ฮ่องสอน ระยะทาง 245 กิโลเมตร สั้นกว่าเส้นทางสายแรกประมาณ 100 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางน้อยกว่าประมาณ 1 ชั่วโมง แต่ได้ยินเสียงรํ่าลือว่า 2 ฟากทางสวยมากๆ และมีโค้งทั้งสิ้น 2,224 โค้ง เยอะกว่าเส้นทางสายเก่าอีกแฮะ
ทำให้การเดินทางโดยรวม…โดยออกจากเชียงใหม่ไปตามเส้นทางสายเก่า (ทางหลวง 108) ถึงแม่ฮ่องสอนแล้วเที่ยวให้เสร็จจากนั้นกลับเชียงใหม่โดยเส้นทางสายใหม่ (ทางหลวง 1095)…จะทำให้การเดินทางของเราเป็นวงกลม โดยไม่ย้อนกลับทางเดิม รวมระยะทางทั้งสิ้น 694 กิโลเมตร และรวมจำนวนโค้งทั้งสิ้น 4,088 โค้ง!
หัวหน้าทีมซอกแซกได้ประกาศนียบัตรแผ่นแรกในฐานะผู้พิชิต 1,864 โค้ง มาแล้วก็อยากจะไปรับประกาศนียบัตรแผ่นที่ 2 พิชิตอีก 2,224 โค้งหลัง รวมเป็น 4,088 โค้ง เพื่อเป็นเกียรติประวัติของชีวิตว่างั้นเถอะ
จากนี้ไปถึงเดือนธันวาคมหรือหน้าหนาวปีนี้ก็ 6 เดือนเท่านั้น…โควิด-19 จะซาจากประเทศไทยหรือไม่หนอ?…อยากไปนั่งนับโค้ง 4,088 โค้ง จากเชียงใหม่สู่แม่ฮ่องสอน และแม่ฮ่องสอนกลับเชียงใหม่…เต็มทีละโยมเอ้ย.
“ซูม”