รู้ว่า “เซ็ง” แต่ต้อง “สู้” ขออีกเฮือกเพื่อ “ชัยชนะ”

ผมใช้วิธี Work from Home เขียนต้นฉบับส่งจากบ้านเข้าโรงพิมพ์มาตั้งแต่ 17 เมษายน หลังจาก “บิ๊กตู่” และคุณหมอ ทวีศิลป์ ออกมาแถลงมาตรการสู้โควิด-19 ระลอก 3 หนึ่งวัน

นับมาถึงวันนี้ (ขณะที่เขียน 20 เมษายน) ย่างเข้าวันที่ 4 แล้วนะครับ…ยังไม่ค่อยคุ้นเท่าไรนัก

ปกติแล้วผมเป็นคน “ติดโรงพิมพ์” ชอบไปนั่งเขียนหนังสือที่โรงพิมพ์เพราะฝึกตัวเองมาอย่างนั้นตั้งแต่แรกเริ่มเข้าสู่อาชีพนี้

ต้องไปนั่งอยู่ในห้องโถงยาวๆ ของโรงพิมพ์ที่มีพี่ๆ เพื่อนๆ และน้องๆ นักข่าวนักเขียนนั่งโต๊ะติดๆ กันยาวเป็นพรืดถึงจะได้บรรยากาศ

ต้องได้ยินเสียงพูดเสียงคุยจ๊อกแจ๊กระหว่างเพื่อนๆ ด้วยกัน โดยมีเสียงตะโกนของรีไรเตอร์ที่โต้ตอบกับนักข่าวที่ส่งข่าวมาทางโทรศัพท์ สอดแทรกมาด้วยในบางครั้งถึงจะมีอารมณ์

ครับ! ต้องมีอะไรโหวกๆ เหวกๆ แบบนี้มาเป็นแบ็กกราวน์บ้างถึงจะช่วยให้ผมเขียนหนังสือได้เร็วและไหลลื่นว่างั้นเถอะ

ดังนั้นพอไป Work from Home นั่งเขียนอยู่คนเดียวที่บ้านจึงรู้สึกเหงาๆ ยังไงก็ไม่รู้ว่ากว่าจะเริ่มต้นเขียนได้ในแต่ละวันรู้สึกยากเย็นแสนเข็ญเสียเหลือเกิน

แต่จะทำไงได้ล่ะครับ…ศึกระลอก 3 ของเราครั้งนี้ หนักหนาสาหัสจริงๆ ยอดติดเชื้อใหม่พุ่งเกิน 1,000 คนมาตั้งแต่วันครอบครัว 14 เมษายน (1,335 ราย) จนป่านนี้ (วันที่เขียน 20 เมษายน) ก็ยังอยู่ที่ 1,443 ราย

หนทางเดียวที่จะทำให้ลดลงได้หรือจะให้กลับไปที่หลักร้อยหรือหลักสิบเหมือนเมื่อก่อนได้ก็คือต้องปฏิบัติตามกฎกติกาเข้มๆ ที่ ศบค.ท่านขอร้องแกมบังคับมานั่นแหละครับ

หลายๆ กรณี หลายๆ กิจกรรมท่านใช้วิธีบังคับ เช่น ปิดไปเลยบ้าง จำกัดเวลาบ้าง จำกัดจำนวนผู้คนบ้าง ต้องขออนุญาตทางการเสียก่อนบ้าง แต่หลายๆ กรณีท่านก็ใช้วิธีขอความร่วมมือ

โดยเฉพาะ Work from Home ท่านใช้วิธีขอร้องจะทำก็ได้ไม่ทำก็ได้…แต่ถ้าส่วนใหญ่ไม่ทำ…ความแออัดในสำนักงานต่างๆ ก็ยังมีต่อไป การเดินทางก็ยังจะต้องหนาแน่น ขวักไขว่ต่อไป ฯลฯ

การแพร่ระบาดของเชื้อโรคโควิด-19 ก็จะเกิดขึ้นได้ง่ายๆ ต่อไป

ผมเห็นด้วยกับมาตรการนี้ครับ แม้จะไม่ค่อยถนัดเหมือนนั่งเขียนที่โรงพิมพ์ แต่ก็จะพยายามฝึกไปเรื่อยๆ…อย่างน้อยก็ 14 วันตามที่ ศบค.ขอร้องไว้

อย่างไรก็ตาม เท่าที่ผมสังเกต…คงเป็นเพราะสงคราม “โควิด” ครั้งนี้ ยืดเยื้อเกินไปคือ ปีกว่าๆ แล้วก็ยังต้องรบกันอยู่นั่นแหละ

แถมเหตุที่การสู้รบยืดเยื้อและกลับมาหนักกว่าเดิมด้วยซ้ำ ก็เพราะความหละหลวมของคนบางกลุ่มบางเหล่าที่ไม่เคารพกฎหมาย และเห็นแก่เงิน เห็นแก่ได้ ฯลฯ ดังที่เป็นข่าวซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ทำให้คนไทยซึ่งให้ความร่วมมืออย่างดียิ่งในการปฏิบัติตามคำขอร้องของกระทรวงสาธารณสุขในการระบาดครั้งแรกเริ่มไม่ค่อยปฏิบัติตาม ในช่วงหลังๆ

ถึงแม้จะปฏิบัติเพราะถูกบังคับให้ปฏิบัติก็จะมีเสียงบ่นเสียงติเสียงติงแสดงความไม่พอใจรัฐบาลและกระทรวงสาธารณสุขเกิดขึ้นตลอดเวลา

เวลาทีมโฆษก ศบค.ออกมาแถลงสถานการณ์ประจำวันนั้น…ยุคก่อนเราจะเห็นคอมเมนต์ข้างจอเวลาดูจากยูทูบเต็มไปด้วยความชื่นชม เป็นผลให้คุณหมอ ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน แจ้งเกิดมาจนถึงวันนี้

แต่คราวนี้กลับเต็มไปด้วยลูกล้อลูกขัดลูกแซว หรือบางข้อความก็แขวะแรงๆ แบบไม่สบอารมณ์เป็นระยะๆ

ผมเข้าใจดีครับ ว่าในสงครามที่สู้รบกันมานานๆ แบบไม่รู้เมื่อไรจะยุตินั้น บรรดานักรบย่อมเหนื่อย และเริ่มมีอารมณ์หงุดหงิด

แต่ถ้าเราจะเอาชนะศึกครั้งนี้ให้ได้เราจะต้องหันมารวมพลังกันให้มากกว่านี้ และต้องปฏิบัติตามกฎกติกาเข้มๆ ให้มากกว่านี้

ขออีกเฮือกก็แล้วกันครับ หันมาร่วมแรงร่วมใจเป็นหนึ่งเดียวให้เหมือนเมื่อตอนเราทำสงครามโควิดระลอกแรกอีกสักครั้งเถิด

ผมยัง “เชื่อใจ” และ “เชื่อมือ” คนไทยตลอดจนบุคลากรสาธารณสุขไทยครับ…ว่าเรา “เอาอยู่” แน่นอน…ถ้าเรารวมพลังกันได้…แม้ระลอกนี้ จะหนักหนาสาหัสแค่ไหนก็ตาม.

“ซูม”

ข่าว, โควิด 19, Work from Home, WFH, สาธารณสุขไทย, วัคซีน, ศบค., รัฐบาล, กระทรวงสาธารณสุข, ซูมซอกแซก