เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมารัฐบาลสหรัฐฯ โดยท่านประธานาธิบดีโจ ไบเดน ได้จัดพิธีรำลึกถึงชาวอเมริกันที่เสียชีวิตจากไวรัสมหาภัยโควิด-19 ครบ 5 แสนคน โดยมีการกล่าวคำปราศรัยจากทำเนียบขาว พร้อมกับเชิญชวนให้ประชาชนยืนนิ่งไว้อาลัย และร่วมจุดเทียนทั่วประเทศ…รวมทั้งประกาศให้ลดธงชาติลงครึ่งเสาเป็นเวลา 5 วัน
ตัวเลขอย่างเป็นทางการของรัฐบาลสหรัฐฯระบุว่า คนอเมริกันเสียชีวิตครบ 500,000 คน เมื่อวันจันทร์ที่แล้ว แต่ถ้าใช้ตัวเลขของมหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์ จะเห็นได้ว่าทะลุเกิน 500,000 ไปตั้งแต่วันศุกร์เสียด้วยซํ้า
ท่านประธานาธิบดี โจ ไบเดน เริ่มคำปราศรัยด้วยการยํ้าว่าตัวเลขสูญเสีย 500,000 ชีวิตของคนอเมริกันครั้งนี้มากเสียกว่าการสูญเสียชีวิตของคนอเมริกันในสงครามโลกครั้งที่ 1 ครั้งที่ 2 และสงครามเวียดนามหรือ 3 สงครามรวมกัน
“มันเป็นความสูญเสียที่เราไม่สามารถจะรับได้” ท่านกล่าวด้วยนํ้าเสียงที่แสดงถึงความเจ็บปวด แต่ก็ให้สัญญากับคนอเมริกันว่าจะเดินหน้าแก้ไขปัญหาอย่างไม่หยุดยั้ง พร้อมกับขอความร่วมมือคนอเมริกันให้ร่วมสู้สงครามโควิด-19 ไปด้วยกัน
พร้อมกับสรุปว่า “เราจะกลับมายิ้มร่วมกันอย่างเบิกบานอีกครั้ง” ก่อนจะขอให้ทุกคนยืนไว้อาลัยแก่ผู้ล่วงลับ เพราะโควิด-19 จำนวนกว่า 500,000 รายดังกล่าว
สำนักข่าวช่างเปรียบเทียบสำนักหนึ่งชี้ให้เห็นภาพความสูญเสียที่สหรัฐฯ ว่าร้ายแรงเพียงใดโดยสรุปเป็นข้อๆ ดังนี้
จำนวนผู้เสียชีวิต 5 แสนรายนั้น หากเกิดขึ้นที่เมืองแอตแลนตาก็จะทำให้ประชากรแอตแลนตากลายเป็นศูนย์ในทันที
ถ้าหากมีการยืนไว้อาลัยให้แก่ผู้เสียชีวิตคนละ 1 นาที ตามประเพณีนิยมก็จะต้องใช้เวลาถึง 347 วัน หรือเกือบ 1 ปี จึงจะยืนไว้อาลัยได้ครบถ้วนทุกคน
ยอดผู้เสียชีวิตดังกล่าวมากกว่าคนดู “ซุปเปอร์โบว์ล” ในเกมที่มีคนดูสูงสุดได้แก่ ปี 1977 ที่สนามโรสโบว์ล แคลิฟอร์เนีย ซึ่งมีคนดู 103,438 คน ถึงเกือบ 5 เท่า
แม้ขณะนี้ตัวเลขการติดเชื้อและการเสียชีวิตของสหรัฐฯ จะเริ่มชะลอแล้วอย่างมีนัยสำคัญ หลังมีการฉีดวัคซีนอย่างกว้างขวาง…แต่กระนั้นสถาบันประเมินผลสุขภาพของมหาวิทยาลัยวอชิงตัน ก็ยังคาดการณ์ว่าอาจมีผู้เสียชีวิตอีกถึง 90,000 คน จากนี้ไปจนถึง 1 มิถุนายน
ก็เป็นเรื่องราวข่าวเศร้าจากสหรัฐอเมริกา ซึ่งไม่เพียงแต่ได้ชื่อว่ารํ่ารวยที่สุดของโลกเท่านั้น ยังได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่มีการวางระบบสาธารณสุขเป็นอันดับ 1 ของโลกอีกด้วย ก่อนโควิด-19 ระบาด
แต่หลังจากนี้ไป สถาบันจัดอันดับสาธารณสุขต่างๆ จะจัดอันดับให้สหรัฐฯ เป็นเท่าไรของโลก คงต้องติดตามต่อไป
ที่แน่ๆ ไม่น่าจะอยู่ใน 10 อันดับยอดเยี่ยมอีกต่อไปแล้ว
กล่าวกันว่า เพราะความประมาทของอดีตผู้นำ โดนัลด์ ทรัมป์ ที่มองว่าโควิด-19 เป็นเรื่องเล็กๆ รวมทั้งประชาชนชาวสหรัฐฯ จำนวนมากที่เชื่อเหมือนทรัมป์ ลุกขึ้นปฏิเสธมาตรการทุกอย่างที่ WHO แนะนำเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้สหรัฐฯ เดินมาถึงจุดนี้
แม้ทุกวันนี้คนอเมริกันจำนวนมากก็ยังไม่สวมหน้ากากอนามัย และพยายามฝ่าฝืนกฎเกณฑ์หลายอย่างที่ประธานาธิบดี โจ ไบเดน โดยการแนะนำของที่ปรึกษาด้านสาธารณสุขกำหนดขึ้น
แต่โดยรวมแล้วสถานการณ์ต่างๆ ดีขึ้นมาก ผิดกับในยุคสมัยของโดนัลด์ ทรัมป์ อย่างเห็นได้ชัด
มองเขาแล้วหันมามองเราก็อดมิได้ที่จะต้อง ช.ก.อ. หรือชมกันเองอีกครั้ง ที่ร่วมแรงร่วมใจกันทุกฝ่ายจนทำให้การเสียชีวิตของเราน้อยมาก จนเขาสรุปว่าอัตราเสียชีวิตต่อ 100,000 ของเราอยู่อันดับ 169 ของโลก จาก 175 ประเทศในโลกที่มีการระบาดครั้งนี้
ถือว่าเป็นสถิติที่ยอดเยี่ยมอีกเช่นกัน
ไม่รู้นะ การที่รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข อนุทิน ชาญวีรกูล ท่านสอบได้คะแนนไว้วางใจเป็นที่ 1 แม้จะมีเรื่องงูเห่าที่เลื้อยจากฝ่ายค้านมาโหวตให้ท่านตามสไตล์การเมืองไทย ไม่ใช่เพราะฝีมือหรือฝีปากการชี้แจงของท่านเพียวๆ หรอก
แต่ผมก็ตีขลุมถือเป็นชัยชนะอันงดงามของกระทรวงสาธารณสุข อันเนื่องมาจากการต่อสู้กับโควิด-19 ได้อย่างมีประสิทธิภาพไปเรียบร้อยละครับ
แฮ่ม! ผมยังมั่นใจด้วยว่า ถ้ายังทำได้อย่างดีต่อไปอีก งวดหน้า คุณอนุทินอาจสอบได้ที่ 1 โดยไม่ต้องพึ่ง “งูเห่า” เสียด้วยซํ้า.
“ซูม”