ขณะที่ผมเขียนต้นฉบับวันนี้ ยอดผู้เสียชีวิตจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ในประเทศจีนผ่านหลัก 200 คน ไปเรียบร้อยแล้ว และกว่าต้นฉบับจะลงตีพิมพ์คงเข้าไปใกล้หลัก 250 รายเสียก็ไม่รู้
ในขณะที่ทางการจีนออกมายืนยันว่ายอดผู้ป่วยยังอยู่ที่ 9,000 กว่าราย กระจายอยู่ตามมณฑลต่างๆ 31 แห่งของจีน และมีผู้ที่อยู่ในข่ายสงสัยที่จะต้องติดตามใกล้ชิดอยู่ประมาณ 15,000 ราย เห็นจะได้
รัฐบาลจีนยังคงเดินหน้าแก้ปัญหาต่อไป พร้อมๆ กับมีรายงานว่าเชื้อไวรัสไปโผล่ที่โน่นที่นี่เป็นระยะๆ ล่าสุดได้ยินข่าวว่าไปถึงอิตาลีแล้ว หลังจากที่ก่อนหน้านั้นมีการพบผู้ป่วยโรคนี้ทั้งที่สหรัฐฯและฝรั่งเศส
เมื่อวันพฤหัสบดีที่แล้ว องค์การอนามัยโลกได้ออกมาประกาศให้การแพร่ระบาดครั้งนี้เป็นสถานการณ์ฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศ
ทั้งนี้ ก็เพื่อให้แต่ละประเทศสามารถดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหาร่วมกันได้อย่างเป็นระบบโดยเฉพาะการเตรียมการสำหรับประเทศ ที่ระบอบการสาธารณสุขไม่เข้มแข็งนัก
ผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลกย้ำว่า การประกาศภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขโลกครั้งนี้ไม่ใช่การลงมติไม่เชื่อมั่นหรือไม่ไว้วางใจจีน แต่เป็นความห่วงใยที่มีต่อประเทศอื่นๆ พร้อมกับยืนยันว่าไม่มีเหตุผลใดๆ ที่จะต้องมีการควบคุมการค้า หรือการเดินทางไปยังจีนด้วย
ผมขอเอาใจช่วยอยู่ตรงนี้ และหวังว่าการประกาศขององค์การอนามัยโลก หรือ WHO ครั้งนี้ จะมีผลทำให้การร่วมมือกันป้องกันและต่อสู้กับไวรัสสายพันธุ์ใหม่ตัวนี้ประสบผลสำเร็จในที่สุด
พร้อมกันนี้ก็ขอส่งกำลังใจไปถึงพี่น้องชาวจีน ซึ่งนอกจากที่เมืองอู่ฮั่นแล้ว ดูเหมือนว่าขณะนี้เชื้อจะแพร่ไปจนครบทุกมณฑล
อย่างไรก็ตาม สำหรับจุดหนักสุด และยังต้องการกำลังใจมากที่สุด ยังคงเป็นประชากรในเมืองอู่ฮั่นนั่นเอง
แม้จะมีรายงานว่า บรรยากาศรอบๆ เมืองจะเริ่มมีชีวิตชีวาขึ้นบ้าง แต่โดยรวมก็ยังเหงาๆ และวังเวงอยู่พอสมควร เมื่อวันวานนี้เอง มีการโพสต์เพลง “อู่ฮั่น” ในยูทูบและมีการเปิดฟังอย่างแพร่หลาย มีการแปลเป็นภาษาไทย ใส่เป็นคำบรรยายประกอบเพลงไว้ด้วย…อ่านแล้วฟังแล้วหลายๆ คนอดน้ำตาคลอเสียมิได้
ในช่วงท้ายเพลงมีข้อความให้กำลังใจคนอู่ฮั่นว่า
“แต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยเห็นอู่ฮั่นเป็นแบบนี้…แต่ฉันมั่นใจแสงสว่างจะสาดส่องทั่วแผ่นดิน ดอกซากุระจะกลับมาเบ่งบาน…คนรุ่นก่อนจะยังคงกินบะหมี่แห้งร้อน…ถนนจะมีเสียงคนดังขึ้นอีกครั้ง”
“เราจะถอดหน้ากากอนามัย…อยากไปที่ที่อยากจะไปและได้พบคนที่อยากเจอ”
คงจำกันได้ก่อนหน้านี้ไม่กี่วัน ก็มีคลิปที่แสดงถึงหัวใจอันแข็งแกร่งของชาวอู่ฮั่นมาเผยแพร่อยู่คลิปหนึ่ง
เป็นคลิปที่บันทึกความเงียบเหงาในยามค่ำคืนของเมืองอู่ฮั่น แต่กึกก้องไปด้วยเสียงตะโกนของชาวอู่ฮั่นจากบ้านหลังหนึ่งไปยังอีกหลังหนึ่ง จากตึกคอนโดตึกแฟลตหนึ่งไปยังคอนโดและแฟลตอื่นๆกึกก้องไปทั่ว
อู่ฮั่นสู้สู้! อู่ฮั่นสู้เขา!
สู้ๆ ต่อไปนะครับชาวอู่ฮั่น รวมถึงรัฐบาลจีนที่กำลังต่อสู้กับไวรัสมหาภัยตัวนี้อย่างมุ่งมั่นจนได้รับคำชื่นชมจาก WHO
ให้กำลังใจชาวอู่ฮั่น และรัฐบาลจีนเสร็จ ก็คงต้องหันมาให้กำลังใจคนไทยเรากันเอง เพราะผลกระทบของไวรัสตัวนี้อาจลากยาวต่อไปอีกหลายเดือน เผลอๆ จะทะลุสงกรานต์เอาด้วยซ้ำ
ไม่เพียงแต่นักท่องเที่ยวจีนเท่านั้น ที่จะไม่เดินทางไปไหน รวมทั้งมาเมืองไทยเราด้วย ตามที่รัฐบาลของเขาห้ามไว้…แม้นักท่องเที่ยวประเทศอื่นๆ ก็อาจไม่ออกเดินทางเช่นกัน เพราะความหวาดกลัว
ธุรกิจท่องเที่ยวที่เป็นรายได้หลักประการหนึ่งของประเทศไทย ย่อมเจอผลกระทบอย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยง
จะมีมาตรการช่วยเหลืออย่างไร? เยียวยาอย่างไร? คงต้องฝากรัฐบาลไทยไว้ด้วย…จะเตรียมตัวสู้ศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจอย่างไรก็ว่ากันไป แต่อย่าลืมเตรียมมาตรการเยียวยาผลกระทบทั้งโดยตรงโดยอ้อมต่อธุรกิจการท่องเที่ยวของไทยจากการเกิดไวรัสตัวนี้เอาไว้ล่วงหน้า
ป.ล.ญาติผมคนหนึ่งขึ้นเครื่องบินไปต่างจังหวัดเมื่อตะกี้ ส่งไลน์มาให้ผมดู…ดอนเมืองตอนเช้าวันศุกร์ที่ 31 มกราคม 2563 เหงาสนิท… ผู้โดยสารบางตามาก เก้าอี้นั่งในสนามบินปกติจะมีคนนั่งแน่นเอี้ยด…แต่วันนี้ในภาพถ่ายมีอยู่แค่ 2 คนเท่านั้นเอง.
“ซูม”