นานๆ “นอตหลุด” ที โกรธ “ส.ส.” ไร้สำนึก

ผมมีเรื่องขุ่นข้องหมองใจ ระคนความน้อยเนื้อต่ำใจไปจนถึงความโกรธความแค้นที่อยากจะระบายอยู่เรื่องหนึ่งครับ ขออนุญาตท่านผู้อ่านนำมาระบายเสียให้สิ้นไส้สิ้นพุงในวันนี้ เผื่อจะทำให้สบายใจขึ้นมาบ้าง

เรื่องราวหรือกรณีอันสืบเนื่องมาจากท่าน ส.ส. 2 หรือ 3 ท่านที่ไปเสียบบัตรเพื่อโหวตร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ 2563 แทนกัน โดยเจ้าตัวไม่อยู่ในที่ประชุม จนทำให้ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฉบับนี้มีปัญหาว่าจะเป็นโมฆะหรือไม่? นั่นแหละครับ

ต้องส่งไปให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความทำให้ต้องเสียเวลาที่จะประกาศใช้ออกไปอีกระยะหนึ่ง หรือถ้าหากศาลรัฐธรรมนูญตีความแล้วระบุว่า เป็นโมฆะก็จะต้องมาว่ากันใหม่ เสียเวลาหนักเข้าไปอีก

แม้ในขณะที่ผมเขียนต้นฉบับวันนี้จะมีเหล่าศรีธนญชัยผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายออกมาเสนอแนะแนวทางปฏิบัติมากมาย ออกความเห็นกันอุตลุดว่า ถ้าโมฆะแล้วจะแก้อย่างไร? จะเดินต่ออย่างไร? จนดูเหมือนว่าจะทุเลาปัญหาลงไปได้บ้าง คือสามารถนำงบประมาณออกมาใช้โดยไม่สะดุดหรืออะไรทำนองนั้น

แต่ก็ยังเป็นเรื่องที่ไม่ชัดเจน ยังต้องตีความและความเห็นก็ยังต่างกันอยู่ดี ซึ่งรวมความแล้วก็คือยังเป็นเรื่องยุ่งๆ กันอยู่ เป็นเรื่องที่ทำให้เสียเวลาโดยใช่เหตุ และน่าจะมีผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศชาติมิใช่น้อย

เพราะประเทศกำลังเผชิญปัญหาเศรษฐกิจที่กำลังชะลอตัว และต้องการลงทุน การใช้จ่ายภาครัฐบาล ให้มาช่วยกระตุ้นโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ เพื่อนำร่องการลงทุนภาคเอกชนหรืออื่นๆ

ถ้าเป็นปีปกติ ทุกๆ วันที่ 1 ตุลาคม เราก็จะมีงบประมาณใหม่ออกมาสู่ระบบกันแล้ว มีการใช้จ่ายภาครัฐ ช่วยกระตุ้นได้ในระดับหนึ่ง

เผอิญปีที่ผ่านมา เรามีการเลือกตั้ง ต้องมีรัฐบาลใหม่ สภาใหม่ การจัดทำงบประมาณต้องล่าช้ากว่าปกติ…แต่ถ้าทำทุกอย่างตามครรลอง แม้จะช้าบ้างก็ไม่ถึงขั้นจะเสียหายอะไรมากนัก

แต่โชคร้ายที่มีท่าน ส.ส.ผู้ทรงเกียรติ 2-3 ท่าน ไม่คำนึงถึงเกียรติอันสูงส่งที่ตนเองมี หันมาใช้วิธีมักง่ายโหวตแทนกัน ทั้งๆ ที่ตัวเองไม่อยู่ในที่ประชุม จนเป็นเหตุให้การจัดทำงบประมาณ 2563 กำลังจะไม่เป็นไปตามครรลอง ดังที่เป็นข่าวขณะนี้

การนำงบประมาณมาใช้กระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งความจริงก็ช้าอยู่แล้ว อาจจะต้องช้าต่อไปอีก เพราะการกระทำที่ไร้จิตสำนึกของท่าน ส.ส. บางท่านจะไม่ให้ประชาชนที่ติดตามข่าวนี้มาโดยตลอด ปวดใจได้อย่างไรล่ะครับ?

เราผ่านการพัฒนาประเทศมายาวนาน มีแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติมาแล้ว 12 ฉบับ แผนพัฒนาการศึกษาไม่ทราบกี่ฉบับ แต่ก็ยังอุตส่าห์มีคนที่ไม่รับผิดชอบต่อสังคมต่อประเทศชาติ และขาดจิตสำนึกมาทำงานสำคัญของชาติ

ฝากกันลงคะแนนฝากกันโหวตเหมือนเด็กๆ เล่นขายของซะงั้น

ไม่ว่าทั้ง 2-3 ท่านนี้จะแก้ตัวอย่างไร ผมคิดว่าเป็นคำแก้ตัวที่ฟังไม่ขึ้น และควรได้รับโทษานุโทษเท่าที่ควรจะได้รับ

หากไม่มีบทลงโทษใดๆ ไว้เลยก็ขอให้ท่านสำนึกผิดด้วยตนเอง และควรแสดงความรับผิดชอบอย่างใดอย่างหนึ่ง เช่นการลาออกจาก ส.ส.เป็นต้น

แม้การลาออกนั้น อาจทำให้ต้องเสียเงินเลือกตั้งซ่อมใหม่ ผมก็ว่าควรต้องเสียเพื่อเป็นการย้ำว่า เราไม่ต้องการ ส.ส.ที่คุณลักษณะเช่นนี้อีกแล้ว คนที่จะมาเป็น ส.ส.ของประเทศไทยจะต้องมีจิตสำนึกที่ดีงามเท่านั้น

แต่ก็เอาเถอะผมเองก็ไม่ใช่คนใจไม้ไส้ระกำอะไร…หากท่าน ส.ส.รู้ตัวว่าผิดออกมากล่าวขอโทษประชาชน พร้อมปฏิญาณว่า ต่อไปจะไม่ทำอีก ผมก็จะพยายามกลั้นใจยอมรับ

2-3 วันมานี้ เราได้ยินคำว่า “ไม่อโหสิ” บ่อยครั้งมาก…นักข่าวไปถามญาติของผู้เสียชีวิตจากการกระทำของอดีตผู้อำนวยการโรงเรียน แห่งหนึ่งที่ไปชิงทรัพย์ แต่ยิงคนอย่างโหดเหี้ยมทารุณ…ได้รับคำตอบจากญาติหลายๆ ท่านว่า “ผมไม่อโหสิ”

จริงๆ แล้วผมอยากจะยืมถ้อยคำของญาติๆ ผู้สูญเสียเหล่านี้มาใช้ในกรณีนี้บ้าง คือไม่อยากอโหสิให้แก่ ส.ส.ไร้จิตสำนึก 2-3 ท่านเลย

แต่ก็อย่างว่าแหละครับ พอได้ระบายแล้วอาการก็ดีขึ้น ยอม อโหสิกรรมให้ส่วนหนึ่ง แต่ต้องกราบขอโทษประชาชนนะครับ ซึ่งถ้ายินดีกราบก็ยินดีอโหสิให้ แต่ถ้าไม่ยินดีกราบและไม่เอ่ยขอโทษ

ผมก็จะขอสวดส่ง…เลือกตั้งครั้งใดขอให้สอบตก…สอบตก…สอบตกตลอดกาลนานเทอญ!

“ซูม”