จาก…สถานี “วัดมังกร” ถึง…วัดมังกรกมลาวาส

หัวหน้าทีมซอกแซกเป็นคนไทยเชื้อสายจีน และเคยพักอยู่อาศัยสมัยเข้ามาเรียนหนังสือในกรุงเทพฯระยะแรกๆ ในย่านเยาวราช จึงค่อนข้างจะคุ้นเคยกับบรรยากาศของไชน่าทาวน์ สามารถเดินได้อย่างทะลุปรุโปร่งทั้งในซีกเยาวราชและเจริญกรุง

รวมทั้งได้เคยเดินข้ามถนนไปไหว้พระที่วัดเล่งเน่ยยี่ หรือวัดมังกรกมลาวาส อยู่บ่อยๆ เวลาจะขึ้นรถเมล์ไปเรียนหนังสือก็จะไปยืนรอรถที่ป้ายหน้าวัด จึงถือโอกาสฝากเนื้อฝากตัวเป็นลูกศิษย์วัดนี้ไว้ตั้งแต่ พ.ศ.2501 โน่นแล้ว

ดังนั้น เมื่อถึงเทศกาลปีใหม่อันเป็นเทศกาลที่คนไทยนิยมออกตระเวนไปไหว้พระ 9 วัด ในปัจจุบัน หัวหน้าทีมซอกแซกจึงมักจะกลับไปไหว้วัดเล่งเน่ยยี่ หรือวัดมังกรกมลาวาส ในฐานะที่เป็น 1 ใน 9 วัดเป้าหมายของแต่ละปีอยู่เสมอๆ

แต่ปีใหม่ 2563 ที่ผ่านมา โดยเฉพาะวันที่ 1 มกราคม 2563 หัวหน้าทีมไม่สามารถจะฝ่าฟันเข้าไปได้เลย เพราะผู้คนแน่นขนัดจนล้นออกมาถนนหน้าวัด ทำให้การจราจรติดขัดอย่างหนักหนาสาหัส

กล่าวกันว่าในจำนวนผู้คนอันเนืองแน่นนั้นกว่าครึ่งเป็นนักท่องเที่ยวจีนหรือทัวร์จีนที่ได้ทราบถึงกิตติศัพท์ของวัดเล่งเน่ยยี่ว่าแก้ชง หรือบันดาลความสุขความสำเร็จให้แก่ผู้บนบานศาลกล่าวได้อย่างชะงัด จึงแห่กันมากราบไหว้จำนวนมาก ถือเป็น 1 ในโปรแกรมของการจัดทัวร์มาเมืองไทย

หัวหน้าทีมซอกแซกต้องรออีก 1 สัปดาห์หลังปีใหม่จึงได้ตัดสินใจแวะกลับไปอีกหนและวางแผนการเดินทางเสียใหม่โดยนำรถยนต์ส่วนตัวไปจอดที่ จามจุรีสแควร์ แล้วก็ลงรถไฟฟ้าใต้ดิน ณ สถานีสามย่าน มุ่งหน้ามาขึ้น สถานีวัดมังกร เพื่อจะเดินเท้าเข้าสู่ วัดมังกรกมลาวาส ซึ่งน่าจะเป็นวิธีที่สะดวกที่สุด

ที่สำคัญการเดินทางด้วยรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินเช่นนี้ นอกจากจะไม่ต้องมาหาที่จอดรถในบริเวณนี้ซึ่งหายากแสนยากแล้ว ยังจะมีโอกาสได้สัมผัสกับ “สถานีวัดมังกร” ซึ่งแม้จะสร้างเสร็จและเปิดใช้มาตั้งแต่เดือนกรกฎาคมปีกลายแล้ว แต่หัวหน้าทีมก็ยังไม่เคยมีโอกาสได้ไปเยี่ยมเยียน หรือ “เช็กอิน” เอาไว้เลย

นับว่าเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องที่สุดเพราะเมื่อมาแล้วจึงพบความจริงว่า สถานีวัดมังกร นับเป็นสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินที่สวยงามอีกแห่งหนึ่งที่ควรแก่การไป “เซลฟี่” ไว้เป็นที่ระลึกอย่างยิ่ง

อาจจะไม่สวยสง่าหรือดูคลาสสิกเมื่อเทียบกับ สถานีสนามไชย ที่จำลองกำแพงวังและท้องพระโรงไปไว้ ณ สถานี จนเป็นที่ชื่นชอบและ กล่าวขวัญกันว่าสวยที่สุดในอาเซียน

แต่จากการตกแต่งด้วยลวดลายจีน และใช้สีแดงเป็นสีพื้นทำให้บรรยากาศของ สถานีวัดมังกร เต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวาและความกระฉับกระเฉงตื่นตาตื่นใจไปอีกแบบหนึ่ง

ลวดลายต่างๆ ทั้งที่อยู่ตามเสาหรือฝาผนังจะเป็นทั้งลายดอกบัว ลายมังกร และจะมีจุดให้ถ่ายรูปเช็กอินเป็นระยะๆ

รวมทั้งจุดที่ออกแบบเป็นถ้วยชาจีนถ้วยใหญ่สำหรับให้เด็กๆ ลงไปนอนถ่ายรูปภายในถ้วยใบนั้นไว้เป็นที่ระลึก

ในบริเวณสถานีเองก็ออกแบบให้มีความรู้สึกเหมือนหนึ่งว่าเป็นช่วงท้องของมังกร โดยให้ประตูทางเข้าสถานีเป็นส่วนหาง และสำหรับส่วนหัวนั้นก็คือบริเวณภายในสถานีทั้งหมดนั่นเอง

ทางด้านตัวอาคารสถานีด้านบนนั้นออกแบบไว้ในลักษณะสถาปัตยกรรมจีน-โปรตุเกส หรือ “ชิโนโปรตุกีส” คล้ายๆ ตึกต่างๆ ที่เราเห็นที่จังหวัด ภูเก็ตนั่นเอง

ในฐานะเด็กเก่าเยาวราช เจริญกรุง หัวหน้าทีมซอกแซกแทบไม่เชื่อสายตาเลยว่า จากปี 2501 ที่เคยมาอยู่อาศัยครั้งกระโน้น และต่อมาอีก 62 ปีถัดมา หรือ 2563 บริเวณนี้จะมีรถใต้ดิน และจะมีสถานีที่งดงามดังเช่น สถานีวัดมังกร เกิดขึ้น

จากสถานีวัดมังกร หัวหน้าทีมซอกแซกและครอบครัวเดินฝ่าฝูงชนซึ่งยังคงแน่นขนัดทั้งที่มาดูสถานีวัดมังกรและขึ้นสู่ วัดมังกรกมลาวาส เพื่อไปไหว้พระแก้ชง หรือแสวงหาความเป็นสิริมงคลเนื่องในเทศกาลปีใหม่

ปรากฏว่าที่บริเวณหน้าประตูวัดมังกรกมลาวาสนั้น ยังคงแน่นเบียดเสียดจนล้นออกมานอกถนนเช่นเดียวกับที่ได้เห็นเมื่อวันที่ 1 มกราคม

เป็น “ทัวร์จีน” เสียครึ่งหนึ่งจริงๆ ด้วยครับ ที่ล้นออกมานอกถนน เนื่องเพราะบรรดาทัวร์จีนดังกล่าวต่างมาเข้าแถวเพื่อจะซื้อเครื่องแก้ชง ซึ่งก็เป็นธูปเทียนและสมุดบูชาสำหรับไปถวายภายในพระอุโบสถวัดนั่นเอง

ทางวัดได้จัดโต๊ะไว้ 2 โต๊ะแยกกัน สำหรับทัวร์จีนโต๊ะหนึ่ง และสําหรับคนไทยเชื้อสายจีนโต๊ะหนึ่ง เพราะยอดเงินบริจาคที่ตั้งไว้จะไม่เท่ากัน

เครื่องแก้ชงสำหรับคนไทยจะย่อมเยากว่าชุดละ 100 บาท ส่วนของทัวร์จีนจะคิดชุดละ 300 บาท ถ้าฟังไม่ผิด

เชื่อแล้วครับว่า วัดมังกรกมลาวาส นั้นโด่งดังไปถึงเมืองจีน และกลายเป็นวัดสำคัญวัดหนึ่งที่ทัวร์จีนตั้งใจจะเดินทางมากราบไหว้ และก็เชื่อว่าในเทศกาลตรุษจีนปีนี้ที่มีข่าวว่าทัวร์จีนจะมาเที่ยวประเทศไทยกว่า 3 แสนคนนั้น คาดว่าหลายหมื่นคนทีเดียวที่จะมาแก้ชงที่วัดมังกร

วัดมังกรกมลาวาสเดิมชื่อ วัดเล่งเน่ยยี่ เป็นวัดในสังกัด คณะสงฆ์จีนนิกายแห่งประเทศไทย ก่อตั้งขึ้นเมื่อ พ.ศ.2414 ใน รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งต่อมาได้รับพระราชทานชื่อวัดอย่างเป็นทางการจากในหลวงรัชกาลที่ 5 ว่า วัดมังกรกมลาวาส มาจนถึงบัดนี้

หัวหน้าทีมซอกแซกเป็นพุทธศาสนิกชน ที่ยึดมั่นในคำสั่งสอนของพระพุทธองค์ ที่เป็นสัจธรรมของชีวิต มิได้ลุ่มหลงหรือเชื่อถือในอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ใดๆ แต่ก็เข้าใจในความเคารพนับถือของบุคคลอื่นที่แตกต่างออกไป

ดังนั้น ใครประสงค์จะไปบนบานศาลกล่าว หรือจะไปแก้ชงอะไรที่วัดมังกร ก็เชิญเถิดครับ หากแก้ชงแล้วมีโชคก็อย่าลืมทำบุญด้วย หรือแก้ชงแล้วอับโชคก็อย่าท้อแท้ ทำบุญทำกุศลต่อไปเรื่อยๆ แม้นโชคไม่เกิดแต่ก็จะได้ความสบายใจ ความอิ่มเอิบใจ ที่ได้ทำบุญทำกุศลมาแทน

ซินเจียยู่อี่ ซินนี้ฮวดไช้ ขอให้มีความสุขความเจริญ ร่ำรวย ร่ำรวย ในช่วงเทศกาลตรุษจีนทุกๆ ท่านนะครับ.

“ซูม”