ปกติแล้วในทุกๆ วันเสาร์ คอลัมน์นี้จะแปลงโฉมจากคอลัมน์ “เหะหะพาที” ซึ่งจะเขียนเรื่องทั่วๆ ไปแบบเรื่องเดียวจบ มาเป็นคอลัมน์ “เสาร์สารพัน” ที่จะเขียนถึงหลายๆ เรื่องในวันเดียวกัน
ชวนท่านผู้อ่านไปเที่ยวงานบ้าง อ่านหนังสือบ้าง
แต่เสาร์นี้คนเขียนคอลัมน์ยังอยู่ที่ญี่ปุ่น ไม่ได้หอบหิ้วข้อมูลว่าด้วยเรื่องงาน เรื่องหนังสือในบ้านเราติดมาด้วย คงต้องเขียนแบบเรื่องเดียวจบ และก็คงเป็นเรื่องเกี่ยวกับญี่ปุ่นอย่างที่เขียนติดต่อกันมาหลายวันนั่นแหละครับ
ท่านผู้อ่านที่ติดตามอ่านข่าวหนังสือพิมพ์ หรือข่าวเว็บไซต์ต่างๆ คงจะทราบกันอยู่แล้วว่า ยอดรวมของนักท่องเที่ยวไทยที่เดินทางไปญี่ปุ่นทะลุหลัก “ล้านแล้วจ้า” หรือเกิน 1 ล้านคนต่อปี ไปเมื่อปี 2561 ที่ผ่านมานี่เอง
ตัวเลขที่ผมจำได้คร่าวๆ ดูเหมือนจะประมาณ 1 ล้าน 1 แสนคนเศษๆ สูงขึ้นกว่าปี 2560 ซึ่งอยู่ที่ 9 แสนคนเศษๆ ราวๆ 14 หรือ 15 เปอร์เซ็นต์
อยู่ในอันดับ 5 ของนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่เดินทางไปญี่ปุ่น ในแต่ละปี
แน่นอนอันดับ 1 นั้นจะเป็นชาติใดไปไม่ได้ นอกจากชาติจีน หรือนักท่องเที่ยวจีน ซึ่งไปญี่ปุ่นกว่า 8 ล้านคน เมื่อปีกลาย ตามมาด้วย เกาหลีใต้, ไต้หวัน, ฮ่องกง และไทย ตามลำดับ
ด้วยเหตุที่นักท่องเที่ยวไทยเรามีจำนวนสูงเป็นอันดับ 5 เช่นนี้แหละครับ ในแต่ละวันเมื่อเราเดินไปตามแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ จึงจะพบเจอคนไทยอยู่ตลอดเวลา
ขณะเดียวกัน ในแหล่งท่องเที่ยวใหญ่ๆ ก็จะมีการอำนวยความสะดวกให้แก่คนไทย โดยการจัดพิมพ์เอกสาร หรือข้อความต่างๆ เป็นภาษาไทยขึ้นมาโดยเฉพาะผมเป็นคนรักภาษาไทย เห็นเอกสารภาษาไทยที่ไหนก็จะเก็บไว้เป็นที่ระลึก ปรากฏว่าขณะที่นั่งเขียนต้นฉบับวันนี้ เก็บมาได้ปึกใหญ่พอสมควรทีเดียว
เล่มใหญ่ที่สุด หนาที่สุด มีถึง 86 หน้า และหนักที่สุดด้วย เพราะพิมพ์ด้วยกระดาษอาร์ตอย่างดี 4 สี สวยงาม ขนาด A4 พับครึ่ง เขาเรียกว่า A5 มีหน้าปกเป็นสีชมพู พร้อมข้อความว่า “โตเกียวทราเวล”
เขียนแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวของโตเกียวเอาไว้อย่างละเอียด ครบถ้วนทุกแห่งทุกที่พร้อมด้วยแผนที่ ทั้งแผนที่ทั่วๆ ไป และแผนที่รถไฟใต้ดินครบทุกสาย
มีเล่มนี้เล่มเดียวเที่ยวโตเกียวได้สบายเลยครับ
ใครไปญี่ปุ่นเวลาไปเดินตามห้างหรือสถานีรถไฟใหญ่ๆ หรือแม้แต่ที่สนามบิน ทั้งนาริตะ และฮาเนดะ จะพบหนังสือคู่มือท่องเที่ยวภาษาไทย เสียบอยู่ตามแผงแจกหนังสือฟรีที่ตั้งอยู่เป็นจุดๆ อย่าลืมหยิบติดมือมาด้วย
จากเอกสารภาษาไทยที่วางอยู่หลายๆ แผ่นหลายๆ ที่ในโตเกียวที่ผมยกตัวอย่างมานี้ เป็นการย้ำให้เห็นถึงความเป็นลูกค้ารายใหญ่ของคนไทยเรา ดังตัวเลขและอันดับที่ผมกล่าวไว้ข้างต้น
สำหรับปีนี้ผมอ่านรายงานของศูนย์วิจัยกสิกรไทยมาก่อน เขาคาดไว้ว่า นักท่องเที่ยวไทยที่ไปเที่ยวต่างแดน น่าจะอยู่ที่ 10 ล้านคนเศษๆ เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว
ในจำนวนนี้จะไปญี่ปุ่นประมาณ 1.2 ล้านคนเศษ เพิ่มขึ้นจากปีกลาย และสูงเป็นอันดับ 1 เช่นเคย เมื่อเทียบกับประเทศต่างๆ ที่คนไทยนิยมเดินทางไป
สาเหตุสำคัญก็มาจากค่าเงินบาทของเราที่แข็งค่าอย่างมาก ทำให้คนไทยเรามีความรู้สึกว่าสินค้า หรือบริการ หรือค่าใช้จ่าย เวลาไปเที่ยวต่างประเทศถูกลง
ประกอบกับยุคนี้มีสายการบินโลว์คอสต์เยอะ ไปต่างประเทศได้ถูกกว่าสมัยก่อน
ที่สำคัญที่สุดก็คือการไม่ต้องทำวีซ่า และสามารถอยู่ได้ถึง 15 วัน นับเป็นแรงจูงใจสำหรับคนไทยมากที่สุด
จริงๆ แล้วการไปต่างประเทศ หรือไปท่องเที่ยว ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร ถ้าเรารู้จักไป คือไปเพื่อเปิดหูเปิดตา ไปเพื่อพักผ่อน ใช้จ่ายแค่พอสมควรไม่สุรุ่ยสุร่าย
พยายามเก็บความรู้ เก็บประสบการณ์ เก็บสิ่งที่เราพบเห็นในทางที่ดีจากประเทศที่เราไปเที่ยวกลับมาให้มากที่สุด ในทัศนะของผมถือเป็นการพัฒนาคุณภาพคนไทยประการหนึ่ง
โดยเฉพาะการไปเที่ยวญี่ปุ่น เราจะได้อะไรดีๆ ติดตัวกลับมาเยอะ อย่างเช่น ความมีระเบียบวินัยของคนญี่ปุ่น เป็นต้น
จะเสียเงินสักเท่าไรไม่เสียดายเลยครับ ถ้าเราเที่ยวแล้วได้ ความมีระเบียบวินัยของคนญี่ปุ่นกลับมา.
“ซูม”