หัวหน้าทีมซอกแซกเคยเรียนท่านผู้อ่านไว้แล้วว่า ไปยุโรปเที่ยวนี้แม้หลักๆ จะไปดูงานแบบเน้นหนักที่ 2 ประเทศ คือ ฟินแลนด์ กับเดนมาร์ก แต่ก็มีช่วงจังหวะเบรกวันเสาร์-อาทิตย์ ข้ามไปเที่ยวเพิ่มเติมมาอีก 2 ประเทศ ได้แก่ เอสโตเนีย กับสวีเดน
ที่ เอสโตเนีย หัวหน้าทีมซอกแซกได้เขียนถึงเมืองหลวงของประเทศเล็กๆ ยอดไฮเทค “ออนไลน์” กันทั่วเมืองที่ชื่อ ทาลลินน์ ไปเรียบร้อยแล้ว
สำหรับเมืองที่สวีเดน ที่หัวหน้าทีมซอกแซกมีโอกาสแวะไปเยือนแบบเป็นของแถมในการไปดูงานครั้งนี้ ได้แก่ เมือง มัลโม ซึ่งอยู่ทางใต้สุดของสวีเดนแต่อยู่ติดๆ กับเมืองโคเปนเฮเกน ของเดนมาร์ก เพียงแค่มีทะเลที่กว้างประมาณ 12 กิโลเมตร ขวางกั้นอยู่เท่านั้น
ด้วยเหตุที่มัลโมอยู่ใกล้มากนั่นเอง ทาง ปตท. เจ้าภาพผู้จัดทริปเดินทางดูงานของเราครั้งนี้ จึงตัดสินใจจัดแถมให้อีก 1 เมือง ก่อนที่คณะของเราจะขึ้นเครื่องกลับในวันรุ่งขึ้น
สำหรับหัวหน้าทีมซอกแซกเองเคยไปสวีเดนมาแล้วหนหนึ่ง เมื่อหลายๆ ปีก่อนโน้น แต่ไปที่ สตอกโฮล์ม เมืองหลวงของเขา ซึ่งก็เป็นเมืองที่สะอาดสะอ้านน่ารักน่าเที่ยวอย่างมากอีกเมืองหนึ่ง
ส่วนเมือง มัลโม นั้น ได้ยินชื่อมานานมาก เพราะครั้งหนึ่งทีมฟุตบอลของเมืองนี้เคยเดินทางมาเตะที่บ้านเรา และหลายๆ ปีต่อมาก็เคยเข้ารอบลึกๆของถ้วยยุโรป “ยูโรปาลีก” ทำให้คนไทยที่เป็นแฟนบอล (โดยเฉพาะ “จ่าแฉ่ง” คู่แฝดของหัวหน้าทีมซอกแซก) คุ้นเคยกับชื่อเมือง “มัลโม” เป็นอย่างดียิ่ง
นอกจากคุ้นเคยเรื่องฟุตบอลแล้ว ก็ยังจำได้ว่าเมืองนี้เคยเป็นข่าวเมื่อประมาณ 14-15 ปี ที่แล้ว ว่าได้สร้างอพาร์ตเมนต์ทรงสูง หรือคอนโดมิเนียมขึ้นมาแท่งหนึ่ง มีลักษณะคล้ายๆ กับคนที่กำลังยืนบิดตัวไปมา
คือเป็นตึกสูงที่ออกแบบเป็นเกลียวขึ้นไป ดูเผินๆ คล้ายตึกนี้กำลังบิดตัวเองว่าอย่างงั้นเถอะ ชื่อว่าตึก Turning Torso ดัดแปลงมาจากประติมากรรมของนักออกแบบชาวสเปนที่มีชื่อเสียงมากรายหนึ่ง
เมื่อประมาณ ค.ศ.2000 เศษๆ สหกรณ์การเคหะ ของสวีเดน มีความคิดที่จะสร้าง อพาร์ตเมนต์ ชนิดสูงขึ้นมาแห่งหนึ่ง ซึ่งนอกจากตั้งใจจะให้สูงสุดในสวีเดนแล้ว ยังตั้งใจจะให้มีรูปลักษณ์ที่ทันสมัย ใครเห็นแล้วก็จะจดจำและพูดถึงไปโดยตลอด จึงได้เชิญนักออกแบบชาวสเปนเจ้าของประติมากรรมที่ว่ามาออกแบบให้
ในที่สุดก็กลายเป็นตึกเกลียวสูงดังภาพที่หัวหน้าทีมนำมาลงประกอบคอลัมน์วันนี้ ซึ่งจะเห็นว่าโด่งขึ้นมาเหนือเมืองมัลโมอย่างชัดเจน
ตึกเกลียวแห่งนี้สูง 190 เมตร สูงสุดในสวีเดนสูงสุดในสแกนดิเนเวีย และสูงเป็นอันดับ 2 ในยุโรป รองจากตึก Triumph Palace ของรัสเซีย ที่กรุงมอสโก ซึ่งสูง 264 เมตร
เป็นตึกที่มีจำนวนชั้น 54 ชั้น ประกอบด้วย ห้องชุดอยู่อาศัย 147 ห้องและเปิดให้เข้าอยู่อาศัยได้ตั้งแต่ ค.ศ.2005 เป็นต้นมา
ในวันที่คณะของเราเดินทางไป มัลโม นั้น เนื่องจากมีเวลาค่อนข้างจำกัด เราจึงแค่วนๆ เรื่อยๆ ไปรอบๆ เมือง และก็นั่งดูตึกจากหน้าต่างรถไปพลางๆ เท่านั้น ไม่มีโอกาสหยุดรถลงไปเดินเล่นใกล้ๆ หรือถ่ายรูปเช็กอินแต่ประการใด
แต่แค่ได้มาเห็นด้วยตาตนเองก็คือว่า โอเคซิการ์แรตแล้วละครับ
อีกกิตติศัพท์หนึ่งของ มัลโม ที่เคยเป็นข่าวใหญ่เมื่อนานมาแล้วเช่นกันก็คือ การสร้างสะพานข้ามทะเลที่ยาวที่สุดของยุโรปรวม 12 กิโลเมตร โดยเป็นสะพาน 8 กิโลเมตร และเป็นอุโมงค์ใต้ทะเล 4 กิโลเมตรนั่นเอง
ได้แก่สะพาน “โอเรซุนด์” หรือ Oresund Bridge ซึ่งเป็นโครงการร่วมของทั้ง 2 ประเทศเพื่อเชื่อมเดนมาร์กกับสวีเดนเข้าด้วยกัน และเพื่อให้เป็นเส้นทางที่จะเดินทางต่อไปได้จนถึงตอนกลางและตะวันตกของทวีปยุโรป
รัฐบาลทั้ง 2 ประเทศเห็นพ้องกันให้สร้างสะพานแห่งนี้และเริ่มลงมือสร้างอย่างจริงจังเมื่อปี 1995 จนแล้วเสร็จในปี 1999 พร้อมกับเปิดใช้วันแรกเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม ปี 2000
ต้นทุนในการก่อสร้างสูงถึงประมาณ 2,600 ล้านยูโร หรือประมาณ 104,000 ล้านบาท ใน ค.ศ.ดังกล่าว เป็นสะพานที่ผู้ใช้จะต้องเสียค่าผ่านเพื่อนำไปใช้คืนทุนที่ได้มีการลงทุนไปในตอนแรก
การได้มุดอุโมงค์ใต้ทะเลไป 4 กิโลเมตร ข้ามสะพานกลางทะเลอีก 8 กิโลเมตร จากโคเปเฮเกนสู่มัลโม จึงเป็นอีกหนึ่งความทรงจำของหัวหน้าทีมซอกแซก สำหรับทริปสแกนดิเนเวียครั้งนี้
ในส่วนของตัวเมืองมัลโมนั้นได้ชื่อว่าเป็นเมืองใหญ่อันดับ 3 ของสวีเดน มีประชากรประมาณ 3 แสนคนในเขตเทศบาล และประมาณ 7 แสนคนสำหรับตัวเมืองทั้งหมด
ช่วงที่คณะของเราข้ามไป เขากำลังจะมีงานประจำปีที่เรียกว่า Malmo Festival พอดิบพอดี มีการประดับธงทิวและตกแต่ง 2 ฟากถนนด้วยไม้ดอก รวมทั้งออกร้านขายของต่างๆ คึกคัก แถวๆ สถานีรถไฟไปจนถึงบริเวณหน้าศาลาว่าการเมืองมัลโม น่าเดินเล่นไปหมดทั้งย่าน
ท่านผู้อ่านที่มีโอกาสไปถึงโคเปนเฮเกน เมืองหลวงของเดนมาร์ก ถ้าพอมีเวลาว่างสักครึ่งวัน อย่าลืมแวะข้ามไป มัลโม ด้วยละกัน…แป๊บเดียวจริงๆ ได้มีโอกาสข้ามไปอีกประเทศหนึ่ง ได้เปลี่ยน บรรยากาศ ได้ดูตึกใหม่ผสมตึกเก่าอย่างกลมกลืน
สำคัญที่สุดได้ข้ามสะพาน “โอเรซุนด์” สะพานข้ามทะเลยาวสุดของยุโรป เก็บไว้เป็นสถิติส่วนตัวได้อีกหนึ่งสถิติว่างั้นเถอะครับ.
“ซูม”