เมื่อวานนี้ผมเขียนเปรยๆ เอาไว้บ้างแล้วว่า รู้สึกใจคอไม่ค่อยดีและเป็นห่วงประเทศไทยของเราที่อยู่ภายใต้ความรับผิดชอบของรัฐบาลและรัฐสภาชุดนี้เป็นอย่างยิ่ง
เพราะทั้ง 2 ฝ่าย คือทั้งรัฐบาล และฝ่ายค้าน ท่านไม่มีความรัก ความเมตตาปรานีต่อกันและกันเลยจริงๆ
ใช้คำพูดคำจาที่ดุเดือดรุนแรงเย้ยหยันถากถางเหมือนโกรธกันมาเป็นร้อยปี และไม่มีวันที่จะหันมาคืนดีกันได้
ไม่ใช่การอภิปรายคัดค้านอย่างมีเหตุมีผลเท่าไรนัก เพราะเล่นสำบัดสำนวนและใช้ถ้อยคำเชือดเฉือนกันเสียเป็นส่วนใหญ่
เมื่อผู้กุมอนาคตของประเทศด่ากันหนักถึงขนาดนี้และแสดงท่าทีรังเกียจซึ่งกันและกันออกมานอกหน้าอย่างที่เราเห็นเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
แม้จะเกิดความรู้สึกห่วงใยลึกๆ เช่นนี้ก็ตาม แต่เมื่อรักจะเป็นประชาธิปไตยก็ต้องอดทนอดกลั้นและยอมรับความจริงที่เกิดขึ้น
อาจเป็นเพราะเราเพิ่งได้ประชาธิปไตยกลับคืนมาหมาดๆ ท่าน ส.ส. บางท่านห่างเหินไปนานถึง 5 ปี ก็เลยเผลอลืมตัวปล่อยความดุเดือดที่อัดอั้นไว้นานออกมา
หวังว่าเมื่อประชาชนทั่วๆ ไปที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมานาน ช่วยกันเตือน ช่วยกันบอก จะทำให้พวกเขาปรับตัวดีขึ้น
หลายๆ ท่านที่ติดตามการอภิปรายครั้งนี้โทรศัพท์มาคุยกับผมบอกว่า ชักรู้สึกหนักใจกับท่าน ส.ส.ชุดปัจจุบัน
ไม่ได้มีอะไรดีขึ้นเลยยังคงหลงตัวเอง อวดเก่ง พูดเยอะ พูดมาก ปากร้ายเหมือนๆ กับชุดที่ผ่านๆ มา
ผมก็ปลอบใจไปว่าต้องอดทนอดกลั้นอย่าใจร้อน ช่วยกันชี้แนะ ช่วยกันบอกกล่าวให้พวกเขารู้ตัวและหากยังไม่รู้ตัวไม่ปรับตัวเองเราก็ลงโทษเสียให้เข็ดโดยไม่เลือกเขากลับมาอีกในคราวหน้า
หาทางแก้ไขกันด้วยกลไกของระบอบประชาธิปไตย คือการเลือกตั้งนี่แหละครับ
ผมก็ขออนุญาตนำประเด็นที่ผมปลอบใจท่านที่โทรศัพท์มาคุยกับผมมาเขียนปลอบใจในวงกว้างอีกครั้งหนึ่ง เพราะเชื่อว่าคงจะมีไม่น้อยที่เกิดความรู้สึกในลักษณะนี้ เมื่อการอภิปรายนโยบายรัฐบาลจบลง
เมื่อปลอบใจหรือขอร้องฝ่ายประชาชนทั่วๆ ไปให้อดทนอดกลั้นอย่างนี้แล้ว ผมก็คงต้องขอร้องไปถึงท่านที่อยู่ในเวทีการเมือง ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาล ส.ส.พรรครัฐบาล ส.ส.พรรคฝ่ายค้าน หรือแม้แต่ ส.ว.ทุกๆ ท่านให้กลับไปทบทวนพิจารณาการอภิปรายของท่านอีกครั้งหนึ่ง
ขอเทปขอคลิปเขามาดู สมัยนี้มีการบันทึกเอาไว้เยอะ
ดูแล้วพิจารณาแล้ว สำหรับท่านที่เป็นข่าวในหนังสือพิมพ์หลายๆ ท่านที่ผมไม่ต้องเอ่ยชื่อก็คงรู้ๆ กันอยู่ โปรดหาทางปรับปรุงตัวเองด้วยสำหรับ การอภิปรายครั้งต่อๆ ไป
ลดลีลา ลดบทบาทกิริยามารยาทที่ไม่เหมาะสมลง ลดความรุนแรงลง เลิกเสียดสี เลิกเย้ยหยัน เลิกใช้คำพูดที่เสียดแทง ฯลฯ
การหลอกด่าฟรีๆ คือด่าเอาไว้ก่อนแล้วถอนคำพูด ซึ่งเป็นวิธีของศรีธนญชัย อย่านำมาใช้เด็ดขาด เพราะแม้ท่านจะถอนคำพูด แต่โดยข้อเท็จจริงท่านก็ด่าเขาไปเรียบร้อยแล้ว สร้างความเจ็บปวดให้แก่ผู้ถูกด่าไปแล้ว
ขอให้ทุกท่านที่ลุกขึ้นอภิปราย…อภิปรายอย่างมีสาระมีแก่นสารมากขึ้น จะตำหนิติติงอะไรก็ไม่ว่า แต่ให้เน้นๆ ไปที่เนื้อหามิใช่การใช้ถ้อยคำสำนวนที่เต็มไปด้วยความเคียดแค้นชิงชังซึ่งกันและกันเช่นคราวนี้
ทั้งหมดนี้จะเป็นการช่วยประคับประคองระบอบประชาธิปไตยของเราให้อยู่ต่อไปนานๆ เพราะจะทำให้ประชาชนทั่วไปไม่เกิดความรู้สึกเบื่อหน่าย หรืออิดหนาระอาใจต่อพฤติกรรมของนักการเมืองดังที่ปรากฏ ให้เห็นตลอด 2-3 วันที่ผ่านมา
เมื่อประชาชนไม่เบื่อหน่าย…ใครจะมาอ้างหรือหาสาเหตุเอาระบอบอื่นมาใช้ก็จะไม่เป็นการชอบธรรม และไม่มีทางที่จะทำเช่นนั้นได้อีก
กล่าวโดยสรุปก็คือ 34 ชั่วโมงเศษ ที่อภิปรายกันมามีเรื่องน่าห่วงใยเกิดขึ้นพอสมควร และโปรดระวังอย่าให้เกิดขึ้นอีกในอนาคต
อีกไม่ถึง 2 เดือนก็คงได้อภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ 2563 กันแล้ว…อย่าทำตัวให้น่าเป็นห่วงอีกนะครับ…ทั้ง 2 ฝ่ายแหละครับ ไม่ว่าฝ่ายค้านหรือฝ่ายรัฐบาล.
“ซูม”