เมื่อ 4 ซ้า 5 ปีที่ผ่านมา มีการวิจัยแบบเจาะลึกรสนิยมการรับประทานของคนอเมริกัน ว่าจะออกมาในแบบไหนสำหรับปีใหม่ของ ค.ศ.ที่ว่านั้น
ผลการวิจัยระบุว่าอาหารสุขภาพ อาหารที่ปราศจากสารพิษ รับประทานแล้วจะเป็นประโยชน์ต่อร่างกาย ทำให้แข็งแรง สุขภาพอนามัยดี จะมาแรงขึ้นเรื่อยๆ
เพราะคนอเมริกันเริ่มตระหนักและห่วงใยในสุขภาพของตนเอง ที่ต้องจำเจอยู่กับอาหารขยะ หรือ “จังก์ฟู้ด” ทั้งหลาย ซึ่งเป็นอาหารประจำชาติมาเป็นศตวรรษ
ผลการสำรวจฟันธงว่า อาหารที่ประกอบด้วย “ผัก” ที่สะอาดจะกลับมาสู่ความนิยมอย่างแพร่หลายในไม่ช้า (ของเวลานั้น)
สำหรับบ้านเราแนวโน้มเรื่องอาหารที่เน้นผักเป็นหลักนั้น ถ้าในภาคใต้น่าจะมีมาเป็นร้อยๆ ปีแล้วละ เพราะบนโต๊ะอาหารของพี่น้องชาวใต้จะมีสารพัดผักวางให้รับประทานแกล้มเต็มโต๊ะมาโดยตลอด จนกลายเป็นวัฒนธรรมอย่างหนึ่งของอาหารภาคใต้
ส่วนในภาคอื่นๆ รวมทั้ง กทม.น่าจะมาเริ่มฮิตจริงจังในช่วง 4-5 ปีมานี้ พอๆ กับผลการสำรวจที่เคยเป็นข่าวที่สหรัฐอเมริกา
ทำให้นึกขึ้นมาได้ เมื่อราวๆ ปี 2554 หรือเมื่อ 8 ปีก่อน เคยอ่านข่าวเล็กๆ ในหน้าหนังสือพิมพ์ว่า เด็กหนุ่ม 3 คน เรียนจบเกษตร 2 คน จบวิศวะ 1 คน จาก มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ หันมาจับมือกันเพื่อเปิดร้านอาหารที่ตั้งใจจะขายผักเป็นหลักโดยเฉพาะ
แล้วก็ต้องเป็น “ผักสะอาด” หรือผักปลอดสารพิษด้วย เพราะเท่าที่เขาเรียนเกษตรกันมา เห็นแล้วสงสารคนไทยที่ต้องกินผักที่ปลูกด้วยสารเคมี ซึ่งบางสารก็เป็นพิษแก่ร่างกาย
ทั้ง 3 จึงจับมือกันเปิดร้านผักสะอาดขึ้น 2 บัณฑิตเกษตรช่วยกันปลูกแบบปลอดสาร 1 บัณฑิตวิศวะไปช่วยคิดสร้างโรงเรือนหรือแปลงปลูกให้ทันสมัย รวมทั้งดูแลเรื่องแหล่งน้ำ
เกิดเป็นร้าน “โอ้กะจู๋” ขึ้นที่ อ.สันทราย เชียงใหม่ โดยมีแปลงผักสะอาดที่ว่าปลูกอยู่หลังร้านนั่นเลย
แต่จะเป็นด้วยเพราะเขาคิดเร็วเกินไปหรือมาก่อนเวลาไปหน่อย หรืออาจจะเป็นเพราะคนเชียงใหม่ช่วงนั้นยังไม่ค่อยแคร์ในเรื่องของสุขภาพ ก็ไม่ทราบได้ ปรากฏว่าร้านอาหารของเขาขายไม่ออก ขาดทุนจนแทบจะถอดใจไปเลยทีเดียว
แต่ 3 หนุ่มที่ว่ายังสู้ต่อ จนในที่สุดสวนอาหาร “โอ้กะจู๋” กลายเป็นร้านดังของเชียงใหม่ ที่ใครๆ ก็มักจะไปอุดหนุนจนแน่นร้านทุกวัน
ผักจานเบ้อเริ่มที่เคียงคู่มากับอาหารต่างๆ กลายเป็นสัญลักษณ์ของร้านที่คนพูดถึง ประกอบกับรสมือที่ปรุงได้อย่างกลมกล่อม และผักสดปลอดสารพิษ จะมีความอร่อยและรสชาติที่บอกไม่ถูก อยู่ในตัวของมันเอง ทำให้ “โอ้กะจู๋” โด่งดังจนต้องเป็นที่พูดถึงไม่เฉพาะเชียงใหม่เท่านั้น แต่โด่งดังไปทั่วประเทศก็ว่าได้
คนจังหวัดอื่นโดยเฉพาะจาก กทม. ที่ไปเชียงใหม่ จะดั้นด้นไปรับประทานที่ร้านนี้แล้วก็เอามาพูดมาคุยมาเขียนมาลง “โซเชียล” จนในที่สุด “โอ้กะจู๋” ก็ต้องเปิดสาขาที่ 2 ขึ้นที่ศูนย์การค้า นิ่มซิตี้ เดลี่ ใกล้ๆ สนามบิน
จากนั้นก็ค่อยคืบคลานลงมาสู่กรุงเทพฯ เริ่มจากสาขาแรกของ กทม. (สาขาที่ 3 ของทั้งหมด) ที่สยามสแควร์ ตามมาด้วยสาขาที่สองของ กทม. (สาขาที่ 4 ของทั้งหมด) ที่ สยามสแควร์วันในย่านสยามสแควร์อีกเช่นกัน
ต่อมาก็มีสาขาที่สามของกรุงเทพฯ (หรือสาขาที่ 5 ของทั้งหมด) ที่ราชพฤกษ์และเห็นแว่บๆ ว่า น่าจะมีสาขาที่ 4 ของ กทม. (หรือที่ 6 ของทั้งหมด) ที่บนดาดฟ้าของมาร์เก็ตปาร์ค บางนา เรียกกันว่า “โอ้กะจู๋” ดาดฟ้าลาซาล
ร้านทุกร้านของเขาจะมีคำว่า “สวนผัก” นำหน้า ดังนั้นถ้าจะเรียกกันให้เต็มๆจึงต้องเรียกว่า “สวนผักโอ้กะจู๋” แล้วก็ตามมาด้วยชื่อสาขา เช่น “สวนผักโอ้กะจู๋ สันทราย” “สวนผัก โอ้กะจู๋ นิ่มซิตี้ เดลี่” หรือ “สวนผักโอ้กะจู๋ สยามสแควร์” เป็นต้น
ทีมงานซอกแซกเพิ่งตามไปพิสูจน์ เมื่อวันหยุดที่ผ่านมานี้เองที่สาขา สยามสแควร์วัน เพราะใกล้รถไฟฟ้าที่สุดลงจาก สถานีสยาม ปุ๊บก็เดินทะลุไปได้เลย
เราจะรับประทานประมาณ 5 โมงเย็น ต้องไปจองคิวไว้ตั้งแต่ 4 โมงกว่าๆ หน่อยๆ รออยู่หลายสิบคิวเหมือนกัน ถึงจะได้รับประทาน
อาหารที่สั่งเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว ส่วนใหญ่เป็น “ซิกเนเจอร์” ของร้าน อาทิ “สเต๊กซี่โครงอบนํ้าผึ้ง” “ไส้กรอกเยอรมันย่างรวม” “ฟิชแอนด์ชิพส์” “สปาเกตตีคาโบนาร่า” “สลัดรวม สารพัดผัก” และซุปต่างๆ
รสชาติถูกปากครับ ทีมงานรับประทานกันเกลี้ยง อร่อยทั้งตัวอาหารและผักเครื่องเคียงที่กองมาเต็มจานยักษ์ทุกๆ จาน และเมื่อเรียกเช็กบิลก็ออกมาแค่ 2 พันกว่าบาท จะบอกว่าถูกคงไม่ใช่…แต่จะบอกว่าแพงก็ไม่ใช่เช่นกัน ถือว่าสมราคาว่างั้นเถอะ
ไม่เพียงแต่ “โอ้กะจู๋” เท่านั้น ที่ประสบความสำเร็จ ในเรื่องของอาหารที่มาจากผักสะอาดปราศจากสารพิษเป็นหลัก จากการค้นในเพจรีริว เกี่ยวกับอาหารพบว่ายังมีร้านดังในทำนองเดียวกันอีกมากที่อยู่ในความนิยม
เช่น Salad Factory ที่เมืองทองธานี (น่าจะอยู่ศูนย์การค้าหน้า ม.สุโขทัย จำได้ว่าท่านรองประธานศาลปกครองสูงสุด คุณ นพดล เฮงเจริญ เพื่อน วปอ355 ด้วยกัน เคยพาไปรับประทานอร่อยติดปากมาจนถึงวันนี้) จากนั้นก็มี Home Fresh Hydrofarm ที่รามคำแหง 167 เขตสะพานสูง ที่โซเชียลพูดถึงกันมาก, Saladบุรี รัชดาภิเษก ซอย 3 แยก 4 ข้างสถานทูตจีน ก็ฮิตไม่ใช่เล่น, สวนผักนำ อยู่ถนนสุคนธ์สวัสดิ์ ลาดพร้าว ก็มีคนพูดถึงบ่อยๆ ฯลฯ และฯลฯ
ขอแสดงความยินดีกับทุกร้านอาหารสะอาด โดยเฉพาะร้านผักที่ประสบความสำเร็จ ตามแนวโน้มโลกที่เขาสำรวจกันไว้ และขอให้รักษามาตรฐานให้คงเส้นคงวาตลอดไปนะครับ เพราะเขาเชื่อกันว่า แนวโน้มอาหารประเภทนี้ จะอยู่คู่โลกยุคใหม่ไปอีกนาน.
“ซูม”