สงครามการค้ารอบใหม่ ต้อนรับ “รัฐบาลใหม่” ไทย

วันนี้ศุกร์ที่ 10 พฤษภาคม ในเวลาเที่ยงคืน ตามเวลาภาคตะวันออกของสหรัฐฯ (บ้านเราคือ 11 โมงเช้า วันเสาร์ที่ 11 พฤษภาคม) ถ้าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง…ท่านประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ จะกดปุ่มสั่งขึ้นภาษีนำเข้าจีน 2 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ จากร้อยละ 10 เป็นร้อยละ 25 ในฉับพลันทันที

โดยอ้างว่าจีนมีเจตนาเตะถ่วงในการเจรจา จนทำให้ผลการเจรจา ที่ดำเนินมาหลายเดือนไม่มีอะไรก้าวหน้า สหรัฐฯ จึงเห็นว่าสมควรแก่เวลาแล้วที่จะลงมือขึ้นภาษีตามเวลาที่แจ้งไว้

คำขู่ทั้งหมดข้างต้นนี้ ท่านประธานาธิบดีทรัมป์ ท่านเป็นคนส่งข้อความผ่านทวิตเตอร์ของท่าน จนเป็นผลให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ร่วงกราวมา 2 วัน เพราะวิตกว่าสงครามการค้าที่ทำท่าเหมือนจะคลี่คลายกลับปะทุขึ้นมาใหม่ และทำท่าจะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วกว่าที่คาดไว้

มีรายงานด้วยว่า นาย หลิวเหอ รองนายกรัฐมนตรีจีน จะเดินทางไปเยือนสหรัฐฯ ในวันที่ 9-10 พ.ค. เพื่อเจรจาการค้าทวิภาคีต่อไป

จะมีผลทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง คือทางสหรัฐฯ ยืดเวลาออกไปอีก หรือไม่คงต้องติดตามกันอย่างใกล้ชิด

ผมเองต้องเขียนต้นฉบับล่วงหน้า กว่าจะได้ลงตีพิมพ์อาจจะมีอะไรผันแปรไปอีกก็เป็นได้

แต่ถ้าไม่มีอะไรเปลี่ยนไปจากนี้ ก็แปลว่าสงครามการค้าเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ทางจีนก็คงจะมีอะไรตอบโต้กลับมา จนอาจจะมีผลในทางลบต่อเศรษฐกิจ ทั้ง 2 ประเทศและของโลกอย่างแน่นอน

ผมก็ขออนุญาตนำมาสรุปไว้พอให้ทราบเท่านั้นแหละครับ ว่าปัญหาใหญ่ของเศรษฐกิจโลกยังมิได้คลี่คลายไปแต่อย่างใด ในทางตรงข้ามกลับมีความไม่แน่นอนมากขึ้นกว่าเดิมเสียอีก

บ้านเรากำลังจะเข้าสู่ยุคเปลี่ยนผ่านทางการเมืองที่สำคัญคือ จะมีการประกาศรายชื่อ ส.ส. ทั้งประเภท ส.ส.เขต และบัญชีรายชื่อ ซึ่งป่านนี้อาจจะประกาศครบถ้วนแล้วก็ได้ ขณะเดียวกัน ก็จะมีการประกาศรายชื่อวุฒิสมาชิกตามมา และในที่สุดก็จะมีการประชุมร่วม 2 สภา เพื่อเลือกว่าใครจะมาเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป

ด้วยคะแนนเสียงที่ก้ำกึ่งกันระหว่างฝ่ายสนับสนุนบิ๊กตู่กับฝ่ายไม่เอาบิ๊กตู่ จะส่งผลให้การจัดตั้งรัฐบาลล่าช้าหรือไม่ยังไม่ทราบ?

แม้บิ๊กตู่ท่านจะยังคงรักษาการอยู่ และมีอำนาจเต็มเหมือนรัฐบาลตัวจริงทุกประการ แต่ท่านก็เหลือ ครม.แค่ 17 คน และรัฐมนตรีเศรษฐกิจก็เหลือแค่ 2-3 คน จะรับมือกับปัญหาต่างๆ ได้หรือไม่ก็ยังไม่รู้

นี่แค่ปัญหาเศรษฐกิจปัญหาเดียวเท่านั้นนะครับ ไม่แน่ว่าจะยังมีปัญหาอื่นๆ ประดังประเดเข้ามาอีกหรือเปล่า

ผมก็ได้แต่หวังว่า ทุกสิ่งทุกอย่างคงจะดำเนินไปตามครรลองโดยไม่ยืดเยื้อจนเกินไปนัก ได้นายกรัฐมนตรีใหม่ รัฐบาลใหม่ มารับหน้าที่ตามจังหวะเวลาที่เหมาะสม

ส่วนว่าจะอยู่ได้ยาวแค่ไหน? ค่อยไปเสี่ยงในอนาคตอีกที ช่วงนี้รีบตกลงกันให้ได้เร็วๆ เราจะได้มีรัฐบาลใหม่มารับผิดชอบประเทศ และแก้ปัญหาของประเทศที่กำลังรุมเร้าหลายเรื่อง

มองไปในอนาคตแล้วก็เป็นห่วงแทนรัฐบาล เพราะนอกจากปัญหาเศรษฐกิจแล้ว ยังมีอย่างอื่นๆ เข้าคิวอยู่อีกเยอะ แต่อะไรจะเกิดก็ให้มันเกิด เกิดแล้วก็แก้กันไป…ทำใจให้ดี ถอนใจให้ลึกๆ และถือว่าเราได้กำลังใจกันมาแล้วอย่างมหาศาล ในเหตุการณ์สำคัญของชาติ พระราชพิธีบรมราชาภิเษกที่เพิ่งผ่านไปหมาดๆ

ถ้าทุกคนทุกฝ่ายร่วมกันปฏิบัติหน้าที่ตามฐานะแห่งตน ยึดถือประโยชน์ของชาติ และประชาชนเป็นหลัก ตามพระบรมราโชวาท ก็คงจะผ่อนหนักเป็นเบา หรือสามารถเอาชนะปัญหาต่างๆ ได้ในที่สุด

รวมทั้งล่าสุด ผมเพิ่งได้ตัวอย่างกำลังใจมาจากแฟนบอลของทีม ลิเวอร์พูล เมื่อก่อนเขียนต้นฉบับนี่เอง เขาบอกว่าต้องเชื่อ (Believe) และอย่ายอมแพ้ (Never Give Up) จะสามารถเอาชนะได้ทุกสิ่ง

ขนาดโดนทีมมนุษย์ต่างดาวบาร์เซโลนา นำ 3-0 นัดแรก ลิเวอร์พูลยังพลิกกลับมาชนะ 4-0 นัด 2 ทำให้ชนะ 4-3 ไปชิงแชมป์ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีกได้ในที่สุด (โดยมีโมฮัมเหม็ด ซาลาห์ ซึ่งเจ็บไม่ได้ลงเล่น แต่ใส่เสื้อยืด พิมพ์คำว่า Never Give Up เป็นกำลังใจให้เพื่อนๆ)

ขอฝากให้นายกฯ คนใหม่ (ซึ่งดูๆ แล้วก็คงเป็นคนเก่าน่ะแหละ) จง Believe และ Never Give Up นะครับ เผื่อจะพลิกล็อกเอาชนะปัญหาและอุปสรรคต่างๆ ได้ในบั้นปลายเหมือนลิเวอร์พูล.

“ซูม”