พักชำระหนี้เกษตรกร อย่าให้เจตนาดีสูญเปล่า

เมื่อ 2 วันก่อน มีข่าวพาดหัวหน้าเศรษฐกิจของไทยรัฐอยู่ข่าวหนึ่ง ที่ผมเห็นหัวข่าวและนั่งอ่านข่าวจนจบแล้วก็อดมิได้ที่จะต้องหยิบยก มาออกความเห็นต่อในวันนี้

เพราะเป็นข่าวที่เกี่ยวข้องกับปัญหาใหญ่ของชาติ ซึ่งน่าจะถือเป็นวาระแห่งชาติด้วย เกี่ยวกับหนี้สินของคนไทย ที่ได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่มีหนี้ครัวเรือนสูงมากเป็นอันดับต้นๆ ของโลกประเทศหนึ่งก็ว่าได้

คงจะทราบกันดีแล้วว่าในบรรดาครัวเรือนไทยหรือคนไทยที่เป็นหนี้เป็นสินอย่างหนักมากกลุ่มหนึ่ง และเป็นกลุ่มใหญ่ของประเทศเสียด้วยก็คือเกษตรกรและชาวนาชาวไร่นั่นเอง

ใจความสำคัญของข่าวนี้ก็คือรัฐบาลท่านเพิ่งจะประกาศใช้มาตรการพักชำระหนี้ และลดดอกเบี้ยให้แก่เกษตรกรตามโครงการช่วยเหลือตามความสมัครใจ โดยจะขยายเวลาการชำระหนี้ให้เป็นเวลา 3 ปี เริ่มตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2561 ไปจนถึงเดือนสิงหาคม 2564

ขณะเดียวกัน ก็จะลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ให้แก่เกษตรกรทุกราย ร้อยละ 3 ในมูลหนี้ไม่เกิน 300,000 บาทต่อราย

ทำให้ ธ.ก.ส.หรือธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร จะได้รับผลกระทบโดยตรง เพราะเงินต้นที่ธนาคารเคยได้รับปีละ 550,000 ล้านบาท จะหายวับไปในทันที ถ้าเกษตรกรเข้าโครงการนี้หมดทุกราย และก็เป็นที่คาดกันว่าส่วนใหญ่จะเข้าโครงการทั้งหมด

แต่ทาง ธ.ก.ส.ก็พร้อมจะปฏิบัติตามนโยบายของรัฐบาลอยู่แล้ว และพร้อมที่จะดำเนินการให้เป็นไปตามนโยบายข้อนี้

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากโครงการนี้ไม่ใช่โครงการปลดหนี้ หรือยกเลิกหนี้ ให้นะครับ แค่พักการชำระหนี้หรือยืดการชำระหนี้ออกไปเท่านั้น

เมื่อถึงเวลาตามกำหนด 3 ปี พี่น้องเกษตรกรก็ยังจะต้องนำเงินต้นมาชำระอยู่ดี ส่วนดอกนั้นก็อาจจะลดลงบ้างตามอัตราใหม่

ธ.ก.ส.จึงเป็นห่วงว่าการที่เกษตรกรไม่ต้องชำระหนี้ปีนี้ ซึ่งจะทำให้มีเงินสดเหลืออยู่ในมือจำนวนหนึ่ง อาจจะนำเงินที่ว่านี้ไปใช้ในทางที่ไม่เหมาะไม่ควร อันอาจจะเป็นผลเสียแก่เกษตรกรเองในภายหลัง เช่น เอาไปจัดงานบางอย่างที่ฟุ่มเฟือย ซื้อของฟุ่มเฟือย เป็นต้น

ท่านจึงเรียกประชุมพนักงาน ธ.ก.ส.ทั่วประเทศ โดยจะชี้แจงนโยบายของรัฐให้ทราบ และให้พนักงานเข้าพบกับเกษตรกรที่เป็นลูกหนี้ อธิบายถึงความห่วงใยของธนาคารให้ทราบเช่นกัน

ถ้าจะใช้จ่ายเงิน “ส้มหล่น” ก้อนนี้ก็ขอให้ใช้อย่างกระเหม็ดกระแหม่ และใช้ในเรื่องจำเป็นจริงๆ เท่านั้น

ทางที่ดีควรจะออมไว้ดีกว่า เช่น ฝากประจำไว้ เงินจะได้ไม่สูญหาย แถมมีดอกงอกเงยอีก ถึงเวลาจะต้องใช้ก็จะไม่เดือดร้อน เบิกมาชำระได้ทันที

ความคิดทั้งหมดข้างต้นนี้มาจากท่านผู้จัดการ ธ.ก.ส. อภิรมย์ สุขประเสริฐ ที่ผมต้องขอเอ่ยนามไว้ ณ ที่นี้ด้วยความชื่นชม

เป็นความห่วงใยที่ถูกต้องแล้วครับ และก็มีความเป็นไปได้ที่เกษตรกรจำนวนไม่น้อยที่คิดว่าเป็นเงินที่ไม่ต้องนำไปชำระหนี้ปีนี้เป็นเงินพิเศษ อาจจะนำไปใช้อย่างไม่เกิดประโยชน์

สำหรับผมเองก็คงต้องขอร้องเกษตรกรลูกหนี้ทั้งหลายที่จะได้รับอานิสงส์จากโครงการนี้ด้วยอีกแรงหนึ่ง

รัฐบาลท่านปรารถนาดีและเห็นใจเกษตรกรเป็นพิเศษ ยอมให้หยุดพักชำระหนี้ได้ ทั้งๆ ที่ก็มีหลายๆ กลุ่มอาชีพที่อยากจะได้สิทธินี้เช่นกันแต่ไม่ได้รับการตอบสนอง

ก็ขอให้เกษตรกรทั้งหลายหากมีเงินเหลืออยู่ในมือ เพราะไม่ต้องนำไปชำระหนี้ ธ.ก.ส. จงนำเงินไปใช้ในทางที่ถูกที่ควรและขอให้เกิดประโยชน์งอกเงย จนสามารถชำระหนี้ได้ครบถ้วนเมื่อครบกำหนดทุกประการ

อย่าให้เจตนาดีของรัฐบาลครั้งนี้กลายเป็นเจตนาร้าย ทำให้เกษตรกรทั้งหลายนำเงินไปใช้จ่ายเกินตัว และไม่ก่อประโยชน์ อาจจะกลายเป็นก่อหนี้ก้อนใหม่เพิ่มขึ้นเสียอีกเท่านั้น

ส่วนท่านในกลุ่มอาชีพอื่นๆ ที่เป็นหนี้เป็นสินกันอยู่ขณะนี้ ก็อย่าไปคิดอะไรมาก พยายามหาทางผ่อนชำระหนี้ต่อไปนะครับ

ขอให้ปลดหนี้สำเร็จและเป็นไทแก่ตัวกันโดยรวดเร็วนะครับ จะได้มีกำลังใจและมีความกระตือรือร้นที่จะก้าวไปสู่ไทยแลนด์ 4.0 กันได้ อย่างปลอดหนี้เต็มตัวต่อไป

ถ้ายังเป็นหนี้กันอยู่ คงจะไปถึง 4.0 ยากละครับ เพราะคนเป็นหนี้ที่ไหนจะมีแก่ใจมาคิดถึง “นวัตกรรม” หรือความริเริ่มอะไรใหม่ๆ ได้ล่ะ แค่หมุนเงินใช้หนี้ไปวันๆ ก็เหนื่อยเต็มทีแล้ว จริงไหมครับ?

“ซูม”